>
home >
movie >
Interview > |   Interview from Femme Fatale | | แหล่งที่มา : หนังสือ Movie Time / 2003 | |
| | | Interview from Femme Fatale Interview with Brian De Palma
เราอาจพูดถึงผู้กำกับ/มือเขียนบท Brian De Palma ได้หลายๆ อย่างทีเดียว เขามีชื่อเสียงโด่งดังจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขา และการทำตัวสร้างความลำบากให้กับนักแสดงและใครก็ตามที่ได้ร่วมงานกับเขา เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนี้ เราก็รู้ในทันทีทันใดเลยว่าทำไม De Palma เป็นคนหุนหันพลันแล่น เขาไม่เคยยอมใครในเรื่องหนังและสไตล์การทำหนังของเขา แต่นอกเหนือไปจากนั้น De Palma ก็เป็นชายที่มีเสน่ห์และประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้กำกับ ทั้งในและนอกฮอลลีวูด ก็ทำให้การสนทนากับเขาเป็นเรื่องน่าสนใจ อย่างน้อยนะ
ทำไมคุณถึงเลือก Rebecca มารับบทตัวเอกในหนังเรื่องนี้ล่ะ
ทำไมคุณถึงต้องถามคำถามนี้ผมด้วยล่ะ ลองมองดูเธอสิ
เธอแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติในซีนต่างๆ รึเปล่า อย่างในฉากเลสเบียน หรือเธอต้องอาศัยการชี้นำบ้างมั้ย
เป็นธรรมชาติในซีนเลสเบียนงั้นเหรอ ผมจะบอกอะไรให้...เราพบ Rebecca ในช่วงสุดท้าย ผมได้ทำการออดิชันนักแสดงสาวมาแล้วทั่วโลก ผมได้พูดคุยกับดาราหนังมากมาย ผมได้พูดคุยกับผู้คนที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน และผมก็เกือบจะตัดสินใจเลือกนักแสดงอีกคนอยู่แล้วเชียว แต่โปรดิวเซอร์ผมก็ไปเจอกับ McTiernan ที่เพิ่งได้ร่วมงานกับเธอ และพูดว่าคุณต้องได้เห็น Rebecca Romijn-Stamos นะ แล้วผมก็ได้ทดสอบเธอ และผมก็พูดว่า เด็กสาวคนนี้คือสิ่งล้ำค่าครับ
สไตล์การเล่าเรื่องของคุณเป็นยังไง
ผมใช้ศิลปะที่กำลังจะสาบสูญไป ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องด้วยภาพ ถ้าพวกคุณอยากเห็นหนังที่เกิดจากแรงผลักดันของตัวละคร ก็ไปเปิดดูทีวีสิ มันออกอากาศอยู่ทุกอาทิตย์ ถ้าคุณอยากดูหนังลึกลับล่ะก็ เปิดดูทีวีสิ มันก็อยู่ในนั้นเหมือนกัน มีการทำหนังมาแล้วทุกแนว และก็ใช้ทุกพล็อต ทุกอารมณ์ เท่าที่คุณจะคิดได้มาแล้ว ผมอยากจะทำหนังที่มีไอเดียปรากฏเป็นภาพ และผมก็ทำอย่างนั้น ผมก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องราวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวละคร มองไปที่จอหนังสิ ดูว่าอะไรอยู่ที่นั่น ผมได้รับแรงบันดาลใจจากหนังที่มีสไตล์ด้านภาพเป็นเลิศ อย่าง Hitchcock, David Lean หรือ Antonioni และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่
คุณคิดว่าการทำงานกับ Antonio Banderas เป็นยังไงบ้าง
Antonio เป็นฝันที่เป็นจริงเลยล่ะ เขาเข้ามาโดยคิดว่าเขาจะเล่นเป็นปาปารัสซี ซึ่งมันเป็นข้อผิดพลาด เราก็เลยต้องถกประเด็นเรื่องนี้กันยาว เพราะว่า Antonio ไม่ค่อยจะพอใจปาปารัสซีนักเพราะว่าพวกเขาคอยไล่ตามเขามาเกือบตลอดทั้งชีวิต แต่เขาไม่ได้เป็นปาปารัสซีนี่ เขาเป็นเหมือนศิลปินแห่งโลกดิจิตัลที่คอยถ่ายรูปจัตุรัสแห่งนี้ต่างหาก มันก็เหมือนงานของผู้กำกับแหละครับ คุณมองดูพื้นที่เหมือนกับศิลปิน วาดรูปด้านข้างของโบสถ์ มองดูแสงที่เปลี่ยนไป ผู้คนที่หลากหลาย คุณมักจะปรับมุมมองของคุณอยู่เสมอแหละ และนั่นคือสิ่งที่เขาทำครับ นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น สิ่งอื่นๆ ที่เขาเป็นในหนังเรื่องนี้ก็คือองค์ประกอบในความฝันของ Rebecca เธอนึกฝันให้เขาเป็นปาปารัสซีที่ไร้ความปรานีน่ะครับ
คุณจะทำเรื่อง Scarface 2 รึเปล่า
ไม่ครับ ผมไม่เคยนึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ
แล้วคุณเกิดไอเดียเรื่อง Femme Fatale ขึ้นมาได้ยังไงและคุณได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนยังไง
มันเป็นเหมือนเรื่องที่จู่ๆ ก็เข้ามาน่ะครับ ผมไปที่ฝรั่งเศส แล้วผมก็เกิดไอเดียขึ้นมา ผมถามว่า มันเป็นเรื่องของฝรั่งเศส ผมจะหาเงินสนับสนุนที่นี่ได้รึเปล่า หรือผมจะต้องขึ้นเครื่องบินกลับมาที่แอลเอและพูดคุยกับใครซักคนเกี่ยวกับการทำหนังที่มีแบ็คกราวนด์แบบฝรั่งเศส อะไรแบบนั้นน่ะครับ ในตอนเริ่มต้นทำหนังเรื่องนี้ เราไม่มีนายทุนชาวอเมริกันเลยซักคน แต่ข้อตกลงก็ไม่เข้าท่าซักเท่าไหร่ ผมก็เลยโชว์มันให้ผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆ ที่สนใจมัน และวอร์เนอร์ก็เป็นรายที่กระตือรือร้นที่สุด และเราก็มาอยู่ตรงจุดนี้กันครับ
พูดถึง Rebecca หน่อยได้มั้ย เธอรับบทเป็นสาวยั่วยวน แล้วเธอแสดงบทนี้ได้อย่างง่ายดายหรือเธอต้องอาศัยคำชี้นำอะไรบ้างรึเปล่า
ที่ผมอยากพูดถึงก็คือการคัดเลือกตัวสาวน้อยคนหนึ่ง เราต้องทำการทดสอบหญิงสาวมากมายสำหรับบทนี้ คุณต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราคนใดคนหนึ่งเคยทำมาก่อน เราไม่เคยสร้างหนังที่มีหญิงสาวยั่วยวนหญิงสาวมาก่อน มันก็เลยจะมีผม กับ Rebecca แล้วโปรดิวเซอร์ผมก็จะส่งนางแบบสาวสวยงาดหยดย้อยเข้ามาทีละคน แล้วเราก็จะลองทดสอบบทเธอดู จากนั้น ผมก็จะมองไปที่ Rebecca แล้วถามเธอว่า เธอคิดยังไง (ระเบิดเสียงหัวเราะ) หลังจากนั้นซักพัก เธอก็พูดว่า รอเดี๋ยวนะ ฉันคิดว่าฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่มารับบทนี้ได้...นั่นคือตอนที่ Rie เข้ามาและเธอก็เพอร์เฟ็กต์เลยล่ะครับ
มีคนมองว่าคุณเป็นผู้กำกับที่หุนหันพลันแล่น ทำไมคุณถึงต้องดูขุ่นเคืองใจอยู่ตลอดเวลาด้วยล่ะ
ทำไมผมถึงเป็นอย่างนั้นน่ะเหรอ? อาจจะเป็นเพราะว่า ผมคิดว่าทั้งระบบนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีต่อคนทำหนังที่มีพรสวรรค์จริงๆ เลยน่ะสิ เรากำลังต่อสู้กับหนังตลาดอยู่ในตอนนี้ มันทำให้การทำหนังออริจินัลเป็นเรื่องยาก ทุกครั้งที่หนังเด็กๆ ในช่วงซัมเมอร์ประสบความสำเร็จ สตูดิโอทุกค่ายก็คิดกันแต่เรื่องนี้นั่นแหละครับ
Interview with Antonio Banderas
Antonio Banderas อาจจะมีชื่อเสียงในฐานะนักหักอกสาวในหน้าจอ แต่ใน Femme Fatale หนังเรื่องใหม่ของเขา เป็นตาของเขาบ้างที่จะหลอมละลายไปกับการเย้ายวนของหญิงสาวสุดเซ็กซีซึ่งรับบทโดย Rebecca Romjn-Stamos Banderas ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองได้อย่างดีทีเดียวเมื่อเขามาพูดคุยกับเราถึงหนังเรื่องนี้และเรื่องราวอื่นๆ อย่างอัจฉริยะภาพของผู้กำกับซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้ Brian De Palma
อะไรทำให้คุณสนใจหนังเรื่องนี้
Brian De Palma รู้จักกับภรรยาของผมน่ะครับ พวกเขาเคยทำหนังด้วยกันมาสองเรื่อง และพวกเขาก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเป็นผู้กำกับที่ผมชื่นชมครับ สำหรับผมแล้ว ก็เลยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการอยากสนุกไปกับการทำงานร่วมกับเขาน่ะครับ
แล้วการที่ตกเป็นหนุ่มที่สาวสวยนักล่าเหยื่ออย่าง Rebecca Romijn-Stamos หลงรักเป็นยังไงบ้างล่ะ
ซีนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเซ็กส์ที่ผมได้แสดงก็คือบนโต๊ะบิลเลียด และมันก็เป็นเหมือนซีนแห่งความเกลียดชังมากกว่าซีนรักๆ ใคร่ๆ นะครับ และสิ่งที่ตัวละครของผมคิดก็คือจะหนีออกไปจากตรงนั้นได้ยังไง! เพราะงั้น ก็ใช่ครับ Rebecca เป็นแง่มุมที่สุดเซ็กซีของหนังอย่างแท้จริงครับ
คุณเล่นเป็นคนโง่ในเรื่อง Femme Fatale ซึ่งดูแล้วเหมือนเป็นบทสมทบ แต่คุณเป็นดาราดังนี่ คุณไม่ได้รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ
ผมไม่ได้แคร์อาชีพของผมด้วยซ้ำ ผมไม่ชอบนักแสดงที่วางแผนจะทำในสิ่งที่พวกเขาเคยทำกันมาแล้ว และผมก็รักการเป็นนักแสดงตลกด้วย นักแสดงพวกนั้นอาจจะมีชื่อเสียงมากกว่าผมก็จริง แต่พวกเขาก็คงไม่สนุกเท่าผมหรอก ผมก็แค่ชอบทำงานในสิ่งที่ผมรักเท่านั้นเอง
ปาปารัสซีเนี่ยเป็นกลุ่มคนประเภทที่คุณคงจะคุ้นเคยด้วย แล้วการเล่นเป็นปาปารัสซีเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับคุณรึเปล่า
ผมไม่ได้คอยตามติดพวกนั้นซักหน่อย พวกเขานั่นแหละมาคอยเกาะติดผม แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวละครของผมเป็นปาปารัสซีนะ เขาเป็นศิลปินต่างหาก! รู้มั้ย Bardo ก็ต้องทำงานหาเงินบ้าง แล้วเขาก็ถูกจับตอนถ่ายภาพดิจิตัลจากระเบียงเขา แต่นั่นอาจจะเป็นจินตนาการส่วนหนึ่งของ Laure ก็ได้นะ
การทำงานกับ De Palma เป็นไงบ้าง
ตอนที่ผมตัดสินใจจะเล่นหนังเรื่องนี้ ผมก็พูดกับ Brian ว่า ใช้ผมเป็นเครื่องมือได้เลย! ผมจะไปที่นั่นและทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ผมแฮปปีกับผลที่ออกมานะครับ มันเป็นหนังที่ท้าทายมาก เกือบจะเป็นพังก์ด้วยซ้ำไป
จริงรึเปล่าที่คุณเกิดลังเลเรื่องการแสดง Femme Fatale ในตอนเริ่มต้น
ผมได้พูดกับ Brian และขออนุญาตเปลี่ยนแปลงตัวละครของผมซักหน่อย ผมไปปารีส อ่านโน้ตที่ผมเขียนขึ้นมาให้เขาฟัง และเขาก็ฟังคำเสนอแนะของผมอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้น เขาก็พูดว่า มันเยี่ยมมากเลย แต่ถ้าคุณอยากจะอยู่ในหนังของผมล่ะก็ คุณก็ต้องทำตามที่สคริปต์บอก Brian เป็นคนที่เชื่อในเหตุผลมาก แต่วิธีการที่เขาตัดสินใจหรือทำอะไรบางอย่างนั่นน่ะ มันเกือบจะเหมือนการกระพริบตาด้วยซ้ำ เขาไม่อยากจะทำตามกฎเกณฑ์ใดๆ ในหนังแบบนั้น คุณที่เป็นนักแสดงก็จะรู้สึกหลงทาง แต่คุณก็จะหลงทางอยู่ในโลกที่น่าสนใจน่ะครับ และเขาก็พร่ำบอกผมว่า 'อย่าห่วงไปเลย Antonio นี่คือความฝัน มันเป็นศิลปะแบบแอ็บสแทร็ค เป็นธรรมชาติที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง' คุณอาจจะหลงทางในนั้น แต่พอเวลาผ่านไป คุณก็จะเริ่มจับสไตล์เขาได้ครับ
อะไรทำให้คุณตัดสินใจเลิกทำงานกับ Pedro Almodovar และผันเปลี่ยนทิศทางในอาชีพของคุณ
ผมเลิกทำงานกับ Almodovar เมื่อ 12 ปีก่อนตอนที่ผมมาอเมริกา แต่ในตอนนั้น ผมก็ไม่คิดเรื่องจะมาทำงานในอเมริกาเลย ในความเป็นจริงแล้ว ผมย้อนกลับไปสเปนเพื่อทำงานซักพัก แล้วผมก็เริ่มกลับไปกลับมาน่ะครับ จากนั้น Melanie ก็เข้ามา ผมจะต้องตัดสินใจและผมก็ไม่ชอบความคิดที่จะให้เด็กๆ เดินทางเป็นหมื่นๆ ไมล์รอบโลกภายในสิบอาทิตย์น่ะ นั่นทำให้ผมย้ายไปอเมริกา มันเป็นเหตุผลส่วนตัวมากกว่าเหตุผลด้านอาชีพการงานน่ะครับ
คุณมองตัวคุณเองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานกัน แบบนักแสดงสเปนไปฮอลลีวูดอย่างนั้นรึเปล่า
ผมไม่ได้เป็นตัวแทนของอะไรทั้งนั้น ผมมีปัญหาพออยู่แล้วกับการเป็นตัวแทนของตัวเอง ในชีวิตของผม บางคนอาจจะรู้สึกว่า ผมได้เปิดประตูโอกาสในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990s ตอนที่นักแสดงลาตินลำบากกันมากกว่านี้ รู้มั้ย ไม่มีใครมองว่าพวกเขาจะทำเงินได้ แต่เราจะอยู่ที่นี่ครับ มีคนเป็น 50 ล้านในอเมริกาที่พูดภาษาเดียวกับเรา เพราะงั้น ไม่ใช่แค่ในหนังเท่านั้น แต่ในศิลปะทั่วๆ ไปด้วย เราอยู่ในทุกชนชั้นของสังคม เราอาจจะเป็นสมาชิกสภาคองเกรส หรือเป็นพนักงานดับเพลิงก็ได้ นั่นคือประเด็นครับ ตอนนี้เรามีผู้ชมแล้ว มีคนอย่าง Jennifer Lopez, Salma Hayek และ Penelope Cruz และผู้กำกับอีกมากมาย คนพวกนี้กำลังทำหนังเมนสตรีมกับสตูดิโอใหญ่ๆ อยู่ รู้มั้ย ผมว่าประตูเปิดออกแล้ว การที่คนลาตินจะได้เล่นเป็นผู้ร้ายเสมอนั้นน่ะ ไม่จริงอีกต่อไปแล้ว
โปรเจ็กต์ต่อไปของคุณคืออะไร
ผมกำลังถ่ายทำหนังดรามาอาชญากรรมของ Robert Rodriguez เรื่อง Once Upon a Time in Mexico และอีกเรื่องก็คือ Imagining Argentina กับ Emma Thompson มันมาจากหนังสือที่โฟกัสไปที่ช่วงทศวรรษที่ 1970s ตอนที่ผู้คน 35,000 คนสูญหายไปโดยไม่มีรัฐบาล ตำรวจหรือใครหน้าไหนมาสนใจทั้งสิ้น และผมก็กำลังจะไปเม็กซิโกกับ Bruce Beresford เพื่อทำงานในหนังเรื่อง Pancho Villa as Himself มันมาจากเหตุการณ์จริงน่ะครับ ในปี 1919 Pancho เขียนจดหมายหา D.W. Griffith ขอให้เขาช่วยเอากล้อง 2-3 ตัวไปที่นั่นแล้วถ่ายทำหนังจริงๆ และ Pancho ก็ตัดสินใจจะบู๊ตอนที่กล้องกำลังเดินอยู่ อะไรแบบนั้นน่ะครับ แล้วหลังจากนั้น ผมก็จะไปแสดงละครบรอดเวย์เรื่อง Nine ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคมน่ะครับ
ตัวละครตัวไหนของคุณที่คุณชอบมากที่สุด
ตัวละครของผมน่ะเหรอ? คงจะเป็นในเรื่อง Tie Me Up! Tie Me Down! ล่ะมั้ง มันเป็นหนังที่น่าสนใจมากและเขาก็เป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวด้วย ผมชอบมันมาก แต่ไม่หรอกครับ ผมไม่ชอบมัดคนไว้อย่างนั้นหรอก รู้มั้ย มันมีอะไรบางอย่างในความดิบเถื่อนของตัวละครนี้ วิธีการที่เขามองชีวิต มันเหมือนกับเขากำลังกรีดร้องว่า 'ผมต้องการความรัก' น่ะครับ
|
| |
Can not select dB |