อัลบัมแสดงสดชุดแรกอย่างเป็น ทางการของไลน์อัปใหม่ล่าสุดของวงที่ประกอบด้วย Felipe Andreoil (เบส), Aquiles Priester (กลอง) และคนที่ถูกจับตามากที่สุดคงเป็น Edu Falaschi ถ้าใครได้ฟังอัลบัม Rebirth พลังเสียงของเขากู้สถานการณ์ของวงในช่วงที่คับขันได้ดี ตอนนั้นแฟนเพลงหลายคนคงอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาจะรอดหรือเปล่า เพราะเสียใครไม่เสีย ไปเสียนักร้องและนักแต่งเพลงมือพระกาฬอย่าง Andre Matos ยังไม่พอยัง Andre ยังดึงทีมริธึมหลักของวงอย่าง Luis Mariutti (เบส) และ Ricardo Confessori ไปร่วมวง Shaman ด้วยกันอีก

แต่สุดท้ายสองมือกีตาร์อย่าง Kiko และ Rafael ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยังคงมีศักยภาพในการทำวงให้ยืนหยัดอยู่ในวงการต่อไป งานแสดงสดชุดนี้บ่งบอกถึงพละกำลังของทีมเวิร์กได้อย่างดี เพลงฮิตจากทุกอัลบัมถูกขนมาโชว์อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะหนักไปทางเพลงที่กระเดียดไปทางโปรเกรสสีฟอย่างชุด Rebirth กว่า 80% เริ่มกันตั้งแต่ In Excelsis, Novaera และ Millennium Sun 3 เพลงเก่งจากอัลบัมนี้ และที่เหลือก็เฉลี่ยกันไป การแสดงสดที่เซาเปาโล บ้านเกิดของพวกเขาในครั้งนี้ถือเป็นการเดินสายครั้งสำคัญ เพื่อเป็นการให้สมฐานะของวง อัลบัมนี้จึงถูกผลิตออกมาเป็นแผ่นซีดีคู่ แฟนเพลงของพวกเขาคงถูกใจเป็นแน่ ยิ่ง BMG ทำออกมาจำหน่ายในบ้านเราด้วยราคาที่ถูกสุดๆ คราวนี้คงช่วยลดค่าใช้จ่ายของเมตัลเฮดได้บ้างนะครับ

เพียง Edu ตะโกนชื่อเพลง Angels Cry เท่านั้นเอง เสียงฮัมท่อนคอรัสของเพลงกระหึ่มขึ้นมาทันที ประกอบกับอินโทรเพลงที่ดังขึ้นพร้อมกัน ฟังแล้วขนลุกปนความยิ่งใหญ่ของบทเพลง ไลน์ประสานของกีตาร์บวกความยิ่งใหญ่ของส่วนที่เป็นกลิ่น ของดนตรีคลาสสิกเข้าไปได้อย่างลงตัว Metal Icarus หนึ่งเดียวจากอัลบัม Fireworks โดดเด่นไม่แพ้เพลงจากอัลบัมอื่นด้วยริฟฟ์ที่รวดเร็วแบบอุดสายเพิ่มความแน่นของภาค ริธึม ช่วงกีตาร์ประสานเข้าท่อนร้องก็เยี่ยมยอด อินโทรกลองเพลง Painkiller ของ Judas Priest ดังขึ้นทำเอาตกใจนึกว่าจะเล่น เพราะก่อนหน้านี้ในอีพี Freedom Call พวกเขาเคยเล่นเพลงนี้มาแล้ว ที่ไหนได้กลับเป็นการโซโลกลองฝีมือของ Priester ฟังแล้วมั่นใจได้ว่า ความขยันในเรื่องของกระเดื่องและลูกส่งต่างๆหายห่วง อีกเพลงที่ควรจะพูดถึงคงเป็น Nothing to Say น่าชื่นชมมากกับไลน์กีตาร์ของทั้งสอง ที่ทั้งปั่นริฟฟ์ข้ามสายยังไม่พอ ยังต้องอุดสายเป็นจังหวะอีก ยากระดับหินทีเดียวครับ สำหรับตัวผมแล้วต้องยอมรับจริงๆครับว่าไฮไลต์ไปตกอยู่กับ 2 เพลงสุดท้ายนั่นคือ พูดถึงเพลงแรกก่อน Carry On เป็นเพลงที่ทำให้ผมตกหลุมรักวงดนตรีวงนี้ ยิ่งได้ฟังภาคแสดงสดด้วยโน้ตทุกตัวที่ออกมาจากกีตาร์ประสานไหลลื่นชนิดที่เรียกว่า ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาที่ฟังก็คงไม่แปลก ส่วนเพลงที่ 2 พวกเขาหยิบ The Number of the Beast เพลงสุดคลาสสิกของ Iron Maiden มาคัฟเวอร์ชนิดที่เรียกว่าสมศักดิ์ศรีทั้งต้นฉบับและตัวของพวกเขาเอง ใครฟังกีตาร์โซโลคงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคาะมาจากบล๊อกเดียวกับ Andrian Smith และ Dave Murray แน่ครับ

เสียงสูงของ Edu สู้ Andre ไม่ได้แน่นอนครับ แต่การร้องของเขาก็เข้ากับเพลงของวงได้ดีไปอีกแบบ เพราะสไตล์เพลงของ Angra แค่พลังเสียงระดับ Edu คงพอแล้ว เส้นทางของพวกเขายังอีกไกลนัก ผมเชื่อว่าไลน์อัปชุดนี้ยังอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ พวกเขาน่าจะได้ทำงานสุดยอดกว่านี้อีกสัก 2-3 อัลบัม และทีนี้แฟนเพลงอย่างคุณและผมคงจะได้เห็นพวกเขาเป็นวงขึ้นหิ้งอย่างเต็มภาคภูมิเสียที

แหล่งที่มา : คอลัม Album Review, by tidboy@hotmail.com, หนังสือ Metal Magazine / 2003

สินค้าที่เกี่ยวข้อง คลิกดูรายละเอียด