Home Shop Mag'z Member Basket Thai / English Site Map
Webboard Book Toy Music Movie
Music
  >  home >  music >  Interview > 
    Slash and Velvet Revolverแหล่งที่มา :
แปลและเรียบเรียง จากบทความของ Carrie Borzillo-Vrenna โดยสิทธิเดช
หนังสือ Sound Magazine / 2003
Slash and Velvet Revolver
อีกหนึ่งซุเปอร์กรุปของปีนี้

หากเพลง Set Me Free จะเป็นที่คุ้นหูของผู้คนทั่วไปในช่วงนี้ ก็คงต้องขอบคุณต่อหนังซุเปอร์ฮีโรฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่อย่าง The Hulk ที่มอบโอกาสให้เพลงที่เปี่ยมความหมายเพลงนี้ได้ปรากฏตัวอยู่ในหนังด้วย และที่สำคัญมันจะเป็นซิงเกิลแรกของวงดนตรีหน้าใหม่อย่าง Velvet Revolver ที่นักร้องนำของวงอย่างสกอตต์ วีแลนด์กำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีมียาเสพติดอยู่ในครอบครอง คำถามมีอยู่ว่าวีแลนด์จะได้ย้ายเข้าไปนอนในคุกหรือเปล่า แล้วเพื่อนร่วมวงของเขาอย่าง สแลช, ดัฟฟ์ แมกเคแกน และแมตต์ ซอรัมจะทำอย่างไรบนเวทีกันล่ะ ต้องไปลากเพื่อนเก่าที่ชื่อ แอกเซล โรส มาร้องแทนหรือเปล่า? แล้ววงเก่าของวีแลนด์อย่าง Stone Temple Pilots ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? แต่เหนือสิ่งอื่นใด แล้วไอ้วง Velvet Revolver นี่มันเป็นใครมาจากไหนกันล่ะ?

โอกาสแรกของการให้สัมภาษณ์ร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมวงในครั้งนี้ วีแลนด์ และ สแลช ก็จะตอบทุกข้อสงสัยข้างต้นเหล่านั้น และที่สำคัญยังมีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้ แต่พวกเขาอยากจะบอกคุณ

สแลช คุณต้องคัดเลือกนักร้องนำของวงจากคนตั้งมากมายที่มาทดสอบ นับตั้งแต่โจชัว ท็อดด์ จาก Buckcherry, เซบาสเตียน บ๊าก จาก Skid Row, เคลลี เชเฟอร์ จาก Neurotica แล้วก็นักร้องนำ ของ Days of the New ด้วย
Slash : เออใช่ว่ะ ตกลงไอ้หมอนั่นมันชื่ออะไรกันแน่ว่ะ? (หัวเราะ)

คุณจำชื่อนักร้องนำของ Days of the New ไม่ได้จริงอะ
Slash : ผมจะไปจำชื่อพวกมันทุกคนได้ยังไงกันวะ เดี๋ยวก่อนพวก ใช่แล้ว มันชื่อ ทราวิส มีกส์ มีคนตั้งมากมายเข้ามาทดสอบกับพวกเรา หลายคนก็สุดยอดจริงๆเลยว่ะ ไม่มีข้อติใดๆเลย

แล้วที่มาของชื่อวงล่ะ มันเริ่มจากชื่อ the Project แล้วเป็น Reloaded สุดท้ายก็กลายเป็น Velvet Revolver ใช่ไหม
Slash : The Project นี่เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกวงเรากันไปเองน่ะ ผมว่ามันน่าจะเริ่มมาจากในอินเตอร์เน็ตนะ จริงๆมันก็เป็นชื่อที่ใช้ได้นะ ส่วน Reloaded เป็นชื่อที่พวกเราเคยคิดไว้เหมือนกัน แล้วสักพักไอ้สกอตต์มันก็ไปบอกนักข่าวเรื่องชื่อนี้ แต่จริงๆตอนนั้นเรามีชื่ออื่นอยู่ในหัวด้วยนะ Revolver คือหนึ่งในนั้น แล้วไอ้สก็อตต์อีกนั่นแหละที่ออกไอเดียว่าน่าจะเติมคำว่า Velvet ลงไปข้างหน้านะ ผมคิดในใจตอนนั้นว่า แม่ง! ใช่เลยว่ะ

แล้วความหมายของมันล่ะ
Slash : ทุกๆคนสามารถตีความมันไปได้ตามใจคิด คำว่า Revolver ก็มีความหมายเฉพาะบางอย่างกับผมเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ

อย่างเช่นอะไรล่ะ? เส้นทางหมุนเวียนสมาชิกในวงหรือเปล่า
Slash : ประมาณนั้นแหละพวก มันเหมือนกับการเกาะกลุ่มกันนะ พอสกอตต์มันเติมคำว่า Velvet เข้าไปมันก็สมบูรณ์สุดๆ มันให้ความรู้สึกแบบเดียวกับตัวเขาน่ะ

สกอตต์ นี่จะเป็นวงถาวรของคุณเลยหรือเปล่านี่ ยังมีเรื่องของ STP (Stone Temple Pilots) อีกมากมายเลยนะที่คนส่วนใหญ่อยากรู้
Weiland : STP ไม่เคยแตกวงกันเลยนะ พวกเราแค่อยากมีเวลาเพื่อแยกกันไปทำงานในแบบที่แตกต่างออกไปบ้าง พวกพี่น้องเดอลีโอ ก็กำลังทำงานใหม่ของพวกเขาอยู่ ส่วนเอริกก็กำลังก่อตั้งห้องอัดของตัวเองอยู่... พวกเราทำงานกันมากว่าสิบปี มีอัลบัมออกมาแล้ว 5 ชุด และขายไปตั้ง 25 ล้านชุดทั่วโลก พวกเราแค่รู้สึกอยากจะหยุดพักบ้างแค่นั้นเอง พอดีช่วงนั้นผมสนิทกับดัฟฟ์และเขาก็ถามผมว่าสนใจจะมาลุยด้วยกันไหม ก็แค่นั้นเอง

คุณตอบตกลงทันทีเลยหรือเปล่า หรือว่ากลับไปใช้เวลานั่งคิดก่อน
Weiland : สิ่งเดียวที่ผมสนใจก็คือ ผมอยากรู้ว่าเพลงของวงนี้มันจะออกมาเป็นอย่างไร ผมไม่ได้ต้องการเป็นนักร้องนำคนใหม่ของ Guns N’ Roses หรอกนะ

คุณยังจำครั้งแรกที่คุณฟังงานของ Guns N’ Roses ได้หรือเปล่า
Weiland : ตอนนั้นผมอายุสัก 19 เห็นจะได้และเพิ่งย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่ผม และเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกด้วย ผมเล่นอยู่ในวงที่ผมกับเพื่อนๆตั้งมันมาตั้งแต่ผมอายุ 15 พวกเราออกเดินทางกันเพื่อไปดูพวกเขานะ ตอนนั้นผมอยู่ที่ฮันทิงตัน บีช (แคลิฟอร์เนีย) พวกเราต้องขึ้นเหนือไปฮอลลีวูดเพื่อดูพวกเขาที่ผับชื่อสครีม และพวกเรายังไปดู Jane’s Addiction เล่นด้วย 2 วงนี้น่าจะเป็นวงที่มีอิทธิพลต่อการเป็นนักดนตรีของผมสูงที่สุดแล้วนะ

แล้วมีเพลงไหนบ้างไหม ที่คุณประทับใจเป็นพิเศษ
Weiland : เพลงของ Guns N’ Roses ที่ผมชอบที่สุดน่าจะเป็น It’s So Easy (จากอัลบัม Appetite for Destruction) นะ

แล้ว Velvet Revolver จะเล่นเพลงของ Guns N’ Roses บ้างไหมเวลาออกทัวร์
Weiland : ผมบอกคุณตามตรงเลยนะ ว่ามันจะมีเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับเพลงของ Guns N’ Roses และ STP ในโชว์ของเราแน่ๆ ทุกคนจะต้องร้องว่าสุดยอดแน่นอน

เวลาคุณร้องเพลงของ GN’R ในระหว่างซ้อม คุณเคยพยายามทำให้มันต่างออกไปจากที่แอกเซล เคยทำไว้หรือเปล่า
Weiland : คุณจะบอกว่าผมเข้าไม่ถึงการเป็นแอกเซล เพราะผมไม่ได้ใส่วิกผมเหมือนเขาใช่ไหม(หัวเราะ) จริงๆแล้วนี่ผมไม่เคยมีอคติกับแอ็กเซลเลยนะ ผมหวังว่าเขาจะทำงานดีๆออกมาอีกเพราะเขาเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆคนหนึ่งเลยล่ะ และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาจะก้าวข้ามชีวิตเส็งเคร็งแบบที่ไบรอัน วิลสันเคยเจอได้แล้วนะ

สแลช ตอนนี้คุณเจอนักร้องนำที่เจ๋งที่สุดนับจากยุคของแอกเซลเลยนะ
Slash : ถูกเผงเลยว่ะ สกอตต์นี่แหละคือคนแบบที่ผมมองหาเมื่อตอนผมเริ่มโปรเจกต์นี้เมื่อซัก 8 เดือนที่แล้วนะ เขาเป็นคนแรกเลยนะที่ผมคิดได้ เมียของเขากับเมียของดัฟฟ์รู้จักกันมาก่อน และทุกคนในวงยกเว้นผมต่างก็เคยรู้จักสกอตต์มาก่อนทั้งนั้น พวกเราเลยตกลงกันว่าไอ้หมอนี่แหละน่าจะเจ๋งที่สุด พวกเราเลยส่งเทปเพลงที่พวกเราทำไว้ 4 เพลงไปให้เขา และเขาก็ชอบเพลงพวกนั้นด้วย แต่เขายังไม่ได้ออกจาก STP ก็แค่นั้นเอง

แล้วสกอตต์มาร้องเพลงให้พวกคุณได้อย่างไรล่ะ
Slash : ประมาณกุมภาพันธ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พวกเราต้องทำเพลงใส่ในหนังถึง 2 เรื่อง ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงไปหมด และเราต้องการใครสักคนมาร้องเพลงพวกนั้น ช่วงนั้นสกอตต์ก็ว่างจาก STP อยู่พอดี เราก็คิดแบบว่ายังไงเสียพวกกูก็ต้องทำเพลงออกมาให้ได้ละวะ พวกเราเลยเรียกเขาให้มาร้องคัฟเวอร์เพลง Money สำหรับหนังเรื่อง The Italian Job แต่เรายังมีวัตถุดิบเหลืออีกมาก เราเลยเลือกมาเพลงหนึ่งและให้เขาเขียนเนื้อร้องให้ และมันก็กลายมาเป็น Set Me Free ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง The Hulk ตอนที่สกอตต์มาเจอกับเรา เขาไม่มีท่าทางเกร็งหรือเคอะเขินเลยนะ เขามาที่ห้องซ้อมของพวกเรา แล้วก็เดินขึ้นไปร้องเพลง มันโคตรจะธรรมชาติเลยว่ะ

แต่ใครๆก็ยังคงมองว่าสกอตต์เป็นแค่หนึ่งในกลุ่มร็อคสตาร์ที่พ้นยุคของเขาไปแล้ว เรื่องนี้เคยทำให้พวกคุณกังวลกันหรือเปล่า
Slash : ชื่อผมก็ถูกรวมในกลุ่มนั้นมานานแล้วเหมือนกันนะ ผมไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพรรณนั้นหรอกนะ แค่ผมรู้ว่าเรามีหลายอย่างที่ตรงกันกับเขา (วีแลนด์) อย่างเรื่องชอบเสพยาเป็นต้นนะ มันก็แบบว่า “เฮ้! เอาไอ้หมอนี่มาร่วมวงเราเถอะ” แล้วก็ออกไปลุยกันเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเพื่อน

คุณคิดว่าสกอตต์จะต้องทำได้แน่ๆใช่ไหม
Slash : ใช่แล้ว ผมโคตรมั่นใจเลยว่ะ

แล้วพวกคุณเซ็นสัญญากับสังกัดไหนหรือยังเนี่ย
Slash : ยังไม่ได้คิดเลย พวกเรามักจะวางแผนทำกันทีละขั้นนะ พวกเราจะบันทึกเสียงกันให้เสร็จก่อน ซึ่งมันเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงของเรา แล้วค่อยไปเลือกว่าจะเอายังไงกันต่อดี

พวกคุณจะเริ่มบันทึกเสียงกันในเดือนกันยายนตามแผนเดิมหรือเปล่า หรือจะรอแค่ให้ศาลตัดสินคดีของสกอตต์ (11 กรกฎาคม) แล้วค่อยว่ากันใหม่
Slash : มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก เราแค่ยังไม่ได้กำหนดวัน (ที่จะเริ่มบันทึกเสียง) ที่แน่นอนเท่านั้นเอง ถ้าทุกอย่างลงตัวก็คงไม่เกินกันยายนนี้แหละ พวกเราก็เล็งๆไว้ว่าน่าจะเป็นช่วงกันยายนหรือไม่ก็ตุลาคมนั่นแหละ

สกอตต์ แล้วเขาจะส่งคุณไปที่ไหนนี่ระหว่างการสู้คดีในเดือนกรกฎาคมนี้
Weiland : ที่แคลิฟอร์เนียมีสถานที่หนึ่งเรียกว่า Proposition 36 ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ยังมีที่นี่อยู่ มันเป็นที่สำหรับคนติดยาหรือคนที่กำลังจะเลิกยาไม่ว่าคุณจะบริสุทธิ์หรือโดนตัดสินว่าผิด คุณก็สามารถขออนุญาตไปอยู่ที่นั่นได้

อย่างน้อยก็ไม่ต้องเข้าไปนอนในคุกละนะ
Weiland : บอกตามตรงเลยนะ ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้หรอกนะ

ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ
Weiland : ผมรู้สึกดีมากๆน่ะสิ ผมกำลังจะผ่านขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ และทนายของผมก็แนะนำให้ผมทำด้วย

วงนี้มีอะไรต่างกับ STP บ้างไหม ?
Weiland : เรื่องที่เยี่ยมที่สุดของวงนี้ก็คือทุกๆคนในวงที่ผมร่วมงานด้วย ต่างก็เคยมีปัญหาส่วนตัวในแบบที่ผมเคยเจอมาทั้งนั้นเลย และต่างก็ผ่านมันมาได้ ดังนั้นพวกเขาก็ช่วยเหลือผมอย่างเต็มที่ ผมไม่ได้อยากทำให้ใครเดือดร้อนหรอกนะ แต่การที่มีคนมาช่วยเหลือแบบนี้มันยอดเยี่ยมไปเลย

แล้ว STP จะมีอัลบัมชุดต่อไปไหม
Weiland : พวกเราก็หวังอย่างนั้น อีกไม่นานจะมีงานรวมเพลงของ STP ที่มีเพลงใหม่ที่พวกเราทำร่วมกันเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ออกวางตลาดเพลงนั้นมีชื่อว่า All in the Suit That You Wear มันร็อคสุดๆเลยล่ะพวก

แล้วเพลงอื่นๆของ Velvet Revolver จะเยี่ยมเหมือน Set Me Free หรือเปล่า
Weiland : แน่นอนเลยพวก มันต้องเจ๋งพอกันอยู่แล้ว แต่อาจจะต่างกันในรายละเอียดนะ เพราะว่าเดฟ คัชเนอร์ มือกีตาร์อีกคนหนึ่งของพวกเรา พาความร่วมสมัยมาใส่ในงานของพวกเรา เขาเก่งเรื่องพวกเทคนิคใหม่ๆน่ะ หนึ่งในมือกีตาร์ที่ผมชอบมากๆก็คือเดฟ นาวาร์โร ผมชอบที่เขาทำให้เสียงกีตาร์กลายเป็นเสียคีย์บอร์ดแนวไซคีเดลิกไปเลย เดฟ (คัชเนอร์) ก็ทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกันนั้น และเขาก็เอาสำเนียงใหม่ๆมาสู่วงของพวกเรานะ

นอกจาก Set Me Free กับ Money แล้วยังมีเพลงอื่นอีกไหมที่ทำเสร็จแล้ว
Weiland : ยังมีเพลงชื่อ Slither นะมันเป็นร็อค ผมคงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ในตอนนี้นะ

แล้วคุณอยากให้ใครมาโปรดิวซ์งานให้ Velvet Revolver ล่ะ
Weiland : เราคิดกันหนักเลยนะเรื่องนี้ มันเหมือนกับว่าจะมีใครว่างมาทำงานให้เราวะเนี่ย เราอยากได้ใครสักคนที่มีความสามารถทางดนตรีสูงๆแต่ก็เก่งเรื่องพวกเทคโนโลยีใหม่ๆด้วยนะ คนแบบนี้มีหลายคนเหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะว่างพอมาทำงานให้เราหรือเปล่าน่ะสิ

แล้วเมื่อไหร่พวกคุณจะกลับมาอาละวาดกันอีกล่ะ
Weiland : เราอยากจะปล่อยงานออกมาภายในสิ้นปีนี้นะ ผมว่านี่เป็นโอกาสที่ดีนะ... เพราะตอนนี้เงินในธนาคารของผมมันเริ่มจะร่อยหรอลงไปทุกทีแล้ว คือผมเพิ่งซื้อที่ดินแล้วก็ปลูกบ้านไปหลังหนึ่งน่ะ ไม่ต้องรู้หรอกนะว่าที่ไหนแต่บอกได้เลยว่าไม่ใช่ที่แคลิฟอร์เนียแน่ๆ ถึงผมจะยังคงอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แต่ที่นี่เป็นที่ที่ควรจะย้ายออกไปให้เร็วที่สุด ดังนั้นที่บ้านใหม่ของผม พวกลูกๆผมจะได้ตกปลาและปีนเขาได้ด้วยนะ


สกอตต์ วีแลน
นักร้องนำและฟรอนต์แมนของ Stone Temple Pilots วงในยุคอัลเตอร์เนตีฟรุ่งเรือง โด่งดังจากอัลบัม Core (’92) ตามด้วย Purple (’94) อัลบัมอันดับ 1 ในอเมริกา เป็นนักร้องที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง แต่โชคไม่ดีที่หันมาเล่นยาหนักไปหน่อย ทำให้ต้องมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลและต้องพักงานดนตรีไปนาน หันมาทำไซด์โปรเจกต์ชื่อ Talk Show ในช่วงปี’96 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และยังเคลียร์ปัญหาเรื่องการบำบัดยาไม่สำเร็จ การกลับมาคราวนี้กับ VR ย่อมต้องทำให้วงการร็อคสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

สแลช
มือกีตาร์พระกาฬที่คอร็อคทั่วโลกรู้จักดี เป็นแกนหลักในการแต่งเพลงและเล่นกีตาร์ให้ Guns N’ Roses มาตั้งแต่ยุคแรก โด่งดังมาตลอดในยุค90s โดยเฉพาะงานของ GN’R อย่าง Appetite for Destruction (’87) และ Use Your illusion I & II (’91) ช่วงที่มีปัญหาเรื่องการทำงานกับแอกเซิล สแลชหันมาทำไซด์โปรเจกต์ชื่อ Slash’s Snakepit ร่วมกับเอริก โดเวอร์ (อดีต Jellyfish), ไมค์ ไอเนซ (Alice In Chains) และแมตต์กับกิลบี เพื่อนร่วมวง GN’R และออกจาก GN’R อย่างเป็นทางการราวปลายปี’95

ดัฟฟ์ แมกเคแกน
มือเบสที่ร่วมหัวจมท้ายกับสแลช มาตั้งแต่ GN’R ออกอัลบัมเดี่ยวชื่อ Believe In Me (’93) ที่ผลตอบรับแย่มาก เขาลาออกจากวงในปี’95 ก่อนสแลชไม่นานเพื่อตั้งวงชื่อ Neurotic Outsiders ในปี’96 ร่วมกับแมตต์, สตีฟ โจนส์ (Sex Pistols) และจอห์น เทย์เลอร์ (Duran Duran) ที่เล่นดนตรีร็อคแอนด์โรล/พังก์ ออกอัลบัมมา 2 ชุด แต่ก็ยังไม่เวิร์กเหมือนเดิม ก็เลยแยกย้ายกันไปในที่สุด ดัฟฟ์จึงทำหน้าที่เป็นนักดนตรีรับเชิญและแต่งเพลงของตัวเองไปด้วย กระทั่งได้รับการทาบทามจากสแลชให้มาร่วมวง Velvet Revolver ด้วยกัน

แมตต์ ซอรัม
อดีตมือกลอง The Cult ที่เข้าไปแทนที่สตีฟ แอดเลอร์ ของ GN’R ที่ถูกไล่ออกจากวงไปในปี’90 และเป็นสมาชิกที่อยู่กับวงไปตลอดกระทั่งสแลชลาออกจากวง เขาจึงตามไปร่วมงานกับ Slash’s Snakepit ของสแลช รวมทั้งไปตีกลองให้ในอัลบัมเดี่ยวของกิลบี คลาร์ก มือกีตาร์อีกคนหนึ่งของ GN’R ด้วย ความสัมพันธ์ของแมตต์กับอดีตสมาชิก GN’R ค่อนข้างแน่นแฟ้น ดังนั้นไม่ว่าอดีตสมาชิก GN’R คนไหนยกเว้นแอกเซิล เขาพร้อมที่จะไปช่วยงานด้วยเสมอ แมตต์เป็นมือกลองที่มีงานเซสชันไม่ขาดสาย เพราะความมีน้ำใจของเขานั่นเอง

  • สินค้าที่เกี่ยวข้อง
    คลิกดูรายละเอียด

  •  

    Top
    E-Mail

    Password


    Community
    Activity
    Photo Contest
    Bey Blade
    Cartoon 9
    Chat Room
    D-3
    D-Terminal
    D-Power
    Digimon
    Download
    Market Place
    Micro pet
    Quiz
    Can not select dB