ในปี 1993 นิวไลน์ซีเนม่าประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Friday the 13th ฆาตกรลึกลับในหน้ากากฮ็อคกี้ที่ไล่ฆ่าผู้คนไปทั่ว และดูเหมือนจะฆ่าไม่รู้จักตายซะทีเสียด้วย ชื่อของเขาคือ Jason Voorhees (ภาคแรกออกมาในปี 1980s และนำแสดงต่อไปอีก 9 ภาคต่อจากนั้น) ความโหดและโด่งดังของ Jason นั้นทำให้เขากลายเป็นไอคอนแห่งหนังเขย่าขวัญที่มีดีกรีศักดิ์ศรีไม่ย่อหย่อนกับอีกหนึ่งอสูรกายมือใบมีด Freddy Krueger ผู้ไล่ล่าผู้คนในความฝันจากหนังชุด Nightmare on Elm Street (มีทั้งหมด 6 ภาค) เลย "Freddy และ Jason เป็นไอคอนแห่งหนังเขย่าขวัญที่ป๊อบปูล่ามาก" Sean S. Cunningham โปรดิวเซอร์และผู้กำกับของ Friday the 13th กล่าว "พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมไซโคคิลเลอร์มาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่สร้างความหวาดกลัวให้เรา โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่"
สตูดิโอรู้ดีว่าพวกเขากำลังเล่นกับผลงานภาพยนตร์คลาสสิคถึงสองเรื่องพร้อมๆกัน รวมถึงผลงานจากหนังสือการ์ตูนซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดวายร้ายทั้งสองตัวนี้ด้วย แล้วพวกเขาก็ตระหนักดีว่ากองทัพแฟนๆของปีศาจสองตัวนี้มีมากมายมหาศาลแค่ไหน และก็รู้ด้วยว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะขย้ำผู้สร้างหน้าไหนก็ตามที่หาญกล้ายุ่มย่ามและทำลายสุดยอดภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่องโปรดทั้งสองนี้ เอาละ ปัญหาของงานนี้ต้องมีอยู่ทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นตรงจุดที่ว่า จะทำอย่างไรให้ปีศาจทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญและน่ากลัวเท่าๆกันได้ในหนังเรื่องเดียวกัน และคำถามพิเศษของ Cunningham ก็คือ แล้วคนไหนโหดกว่ากัน? เพราะทั้ง Freddy และ Jason ต่างก็ไม่เคยมีท่าทีว่าจะแพ้หรือถูกใครฆ่าตายในหนังของพวกเขาเองกันทั้งนั้น ซึ่งคนดูก็คงต้องการที่จะเห็นความอึดทรหดชนิดไม่มีใครยอมใครในการฟาดฟันระหว่างฆาตกรสองตัวนี้เป็นแน่แท้
เป็นคำถามที่ตอบไม่ง่ายเลยใช่ไหม? แน่นอนว่าถึงกับต้องมีการชุมนุมนักเขียนบทภาพยนตร์จำนวนไม่น้อยเพื่อช่วยกันออกความคิดเห็น ก่อนที่จะส่งต่อให้ Damian Shannon และ Mark Swift รับไปจัดการต่อจนเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง "เรารู้ว่ามันจะต้องมีวิธีที่ทำให้ได้พล็อตเรื่องที่ฉลาดและน่าสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องทำร้ายหรือเหวี่ยงหนังต้นฉบับที่มีมาก่อนหน้าทิ้งไปทางหน้าต่าง เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราทำก็คือนั่งลงช่วยกันลิสต์กฎต่างๆที่เป็นกุญแจความสำเร็จสำคัญของทั้งสองเรื่องนั้นออกมา" Shannon ว่า ก่อนที่ Swift จะเสริม "ประการแรกสุดก็คือ เราจะต้องไม่ไปแตะต้องเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าของทั้ง Freddy และ Jason แต่จะปล่อยให้อดีตของพวกเขาเป็นองค์ประกอบที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ของทั้งคู่ และการพิสูจน์ว่า ใครคือปีศาจที่ 'ชั่วร้าย' ที่สุดในบรรดาตัวร้ายจากหนังเขย่าขวัญด้วยกัน"
เมื่อข้อเสนอได้รับไฟเขียว ทางนิวไลน์สตูดิโอปล่อยให้นักเขียนทำงานอย่างเต็มที่โดยเข้ามาข้องแวะอย่างน้อยที่สุด "สิ่งที่ยอดเยี่ยมประการหนึ่งในการทำงานกับนิวไลน์ก็คือ พวกเขาให้เราทำหน้าที่ของเรา" Swift เล่า "แน่นอนว่า Robert Shaye ประธานสตูดิโอนั้นเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกๆขั้นตอน และเขาก็เข้าในแนวความคิดของหนังเขย่าขวัญและหนังชุดทั้งสองเรื่องเป็นอย่างดี แถมยังมีบทรับเชิญในเรื่องนี้ด้วยนะ"
Robert Englund ผู้รับบท Freddy Krueger เป็นคนแรกนับตั้งแต่ตัวละครนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1984 เป็นต้นมา ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นโปรเจ็กต์นี้ด้วย และเขาก็เหมือนโปรดิวเซอร์และคนอื่นๆในทีม ก็คือไม่ค่อยแฮ้ปปี้กับสคริปต์แรกที่ได้เห็นสักเท่าไหร่ ความเห็นชอบจาก Englund ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการทำงานโปรเจ็กต์นี้ จนกระทั่งฉบับแก้ไขเสร็จสิ้น Englund พูดถึงสคริปต์ของ Shannon และ Swift ว่า "สคริปต์นี้มีทุกอย่างที่ผมอยากจะเห็นในหนัง ผมชอบการนำเสนออย่างกล้าหาญเกี่ยวกับฝันร้ายของ Jason Voorhees อะไรในตัว Freddy ที่ทำให้ Jason หวั่นกลัวเขา อยากเห็นโลกแห่งฝันร้ายของฆาตกรเลือดเย็นอย่าง Jason ว่ามันจะเป็นอย่างไร เรื่องราวก่อนหน้าของทั้งคู่ถูกนำมาใส่ไว้ในพล็อตด้วย เพื่อให้ Freddy เข้าไปครอบครองความคิดของ Jason ได้อย่างสมเหตุสมผล ทีมเขียนบทคู่นี้แก้ปัญหาได้ดีทีเดียว"
เมื่อได้สคริปต์ฉบับสมบูรณ์ไว้ในมือแล้ว คราวนี้สตูดิโอก็หันไปหาผู้กำกับมีฝีมืออย่าง Ronny Yu ที่มีเครดิตงานจากการกำกับหนังฮ่องกงหลายเรื่อง "หนังเรื่อง The Bride with White Hair ของ Ronny เป็นหนังแอ็กชั่นที่สร้างได้อย่างกลมกลืนและเพอร์เฟ็กต์มาก และนั่นคือสไตล์แบบที่ Freddy vs. Jason ต้องการละ" Mark Shannon กล่าว "เราใช้เวลาพูดคุยกับ Ronny เล็กน้อยในช่วงก่อนเริ่มต้นกระบวนการถ่ายทำ ซึ่งเขาก็มีไอเดียดีๆมาเสนอให้เราฟังเยอะเลย"
ถึงแม้ว่า Yu ไม่มีรู้อะไรเกี่ยวกับหนังชุดทั้งสองเรื่องมากนักก็ตาม แต่หลังจากได้พูดคุยถึงสคริปต์กับทางนิวไลน์แล้ว เรารู้สึกว่า ความที่เขาไม่คุ้นเคยกับทั้ง Freddy และ Jason นั้นแหละ เป็นสิ่งสำคัญที่สตูดิโอต้องการ ผู้กำกับสักคนที่ยังไม่ถูกครอบงำด้วยหนังทั้งสองเรื่องมาก่อน ผู้กำกับที่มาพร้อมกับไอเดียใหม่ๆที่ไม่เคยมีในหนังเพื่อที่จะสร้างความรู้สึกใหม่ให้กับทั้งสองอสูรกายนี้ "เวลาที่ผมมองหน้าเขย่าขวัญ ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นหนังไล่ล่าฆ่ากันที่ทำให้คนดูเกิดความรู้สึกหวาดกลัว" Yu บอก "แต่ผมมองว่ามันคือหนังแอ๊กชันเขย่าขวัญต่างหาก เหมือนกับเรื่อง Alien น่ะ สำหรับผมแล้ว Freddy vs. Jason ก็คือ Godzilla vs. King Kong มันเป็นแอ๊กชันมากกว่าความน่ากลัว"
แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ยังไม่วายที่ผู้กำกับจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากความสำเร็จอย่างมากของหนังทั้งสองเรื่อง "ผมพยายามที่จะไม่ดันตัวเองให้ตกเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เพราะลองคุณได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เข้าสักครั้งหนึ่งแล้วละก็ คราวนี้จะไม่ต้องเป็นอันทำอย่างอื่นกันแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามที่จะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองแทน วิธีการกำกับของผมก็คือใช้วิธีมองผ่านจอมอนิเตอร์โดยสมมติตัวเองเป็นคนดูของหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ในฐานะผู้กำกับของเรื่อง ผมดูแต่ละช็อตที่ถ่ายออกมาแล้วถามตัวเองว่า "ถ้าผมเป็นคนดูเรื่องนี้ ผมจะสนใจฉากนี้ไหมนะ? จะตื่นเต้นกับมันไหม? การแสดงของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง? นี่เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่ตลอดเวลากับหนังทุกๆเรื่องที่ผมสร้าง มันเป็นวิธีที่ผมใช้ตัดสินใจน่ะครับ"
งานท้าทายที่ Yu จะต้องทำก็คือการรวมเอาโลกแห่งความฝันและความจริงเข้าไว้ด้วยกันให้กลมกลืนและแนบเนียนที่สุด เพื่อให้คนดูคล้อยตามไปกับตัวละครทั้งสองโดยไม่สะดุด ซึ่ง Yu สารภาพว่าต้องใช้พลังความคิดและพลังกายเป็นอย่างมากทีเดียว "คุณจะตะล่อมคนดูอย่างไรให้พวกเขาเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังพยายามจะบอกให้เขาเชื่อ" Yu ตั้งคำถาม "โอเค คุณอาจจะใช้ไวด์ช็อตช่วยให้ได้ภาพแบบที่ต้องการ แต่คุณก็ต้องทำให้คนดูรู้สึกขนลุกไปพร้อมกันด้วย นั่นแหละที่ทำให้เราต้องใช้ความคิดมากเป็นสองเท่าในฐานะคนเล่าเรื่อง ทุกๆเฟรมจะพูดคำนวณไว้แล้วว่าจะส่งผลอะไรกับหนังบ้าง เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่าผมถูกท้าทายโดยทุกๆช็อตของการถ่ายทำ"
นอกจากความชำนาญทางสายงานภาพยนตร์แล้ว Yu ยังมีพื้นการทำงานด้านกราฟฟิคอาร์ตที่เขาช่ำชองไม่น้อยอีกด้วย และด้วยความสามารถนี้เองที่ทำแม้แต่ Robert Englund ยังอดแปลกใจในสิ่งที่ Yu ทำให้กับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ Ronny และ Poon Hang Sang ผู้ช่วยผู้กำกับของเขาเคยเขียนหนังสือการ์ตูนมาก่อนท้งคู่ เพราะฉะนั้นสองคนนี้จะอะไรต่อมิอะไรออกมาในลักษณะของกราฟฟิคและสตอรี่บอร์ดเหมือนกัน เขามองจากด้านบนลง หรือมองจากพื้นดินขึ้นไปก็ได้ เหมือนกับที่เราอ่านในหนังสือการ์ตูนที่มีภาพการต่อสู้ กระโดด ล้มกลิ้ง ฯลฯ ในหลากหลายมุมมอง
การรวมโลกของ Freddy และของ Jason เข้าด้วยกันเป็นงานที่หินสำหรับมือเขียนบทอยู่ไม่น้อย "เราต้องการให้พวกเขาเข้าไปอยู่ทั้งในโลกของความฝันของ Freddy และโลกแห่งความจริงของ Jason ด้วย" Damian กล่าว "แล้วเราก็ต้องมาช่วยกันขบปัญหานี้ให้แตกว่า แล้วจะทำได้อย่างไรโดยไม่ให้ตัวละครทั้งสองตัวต้องแหกกฎข้อใดข้อหนึ่งของตัวเอง มันเป็นงานที่ยากจริงๆเลยละครับ" Mark เสริมว่า "เราจะต้องทำให้มันเกิดขึ้น โดยที่ยังคงความน่าสะพรึงกลัวของหนังวัยรุ่นเอาไว้ด้วย"
ในภาคนี้เราจะสร้างให้เห็นภาพของ Freddy ในนรกที่เขาถูกลูกสาวของตัวเองเนรเทศไปอยู่เมื่อ 10 ปีก่อนในภาค Freddy's Dead : The Final Nightmare และที่ยากที่สุดก็คือการทำให้ Freddy ได้มาปรากฏตัวอยู่ในโลกแห่งความจริง ที่ทุกคนไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อเขา พ่อแม่ยินดีใช้ยานอนหลับกับลูกๆเพื่อไม่ให้พวกเขาฝันเวลาหลับนอนอีกต่อไป เพื่อให้การกลับมาของตัวเองยิ่งใหญ่สมกับสถานะ Freddy ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสหายฆาตกรที่ถูกฝังกลบอยู่ ณ ป่าช้าแห่งหนึ่งไม่ไกลนักจากตัวเขา Jason Voorhees "Jason ถูกฝังเอาไว้ หรือพูดให้ถูกน่าจะเป็นหลับอยู่มากกว่า" Ken Kirzinger ผู้สวมบท Jason กล่าว "และนั่นเอื้อประโยชน์ให้ Freddy กระทำการตามใจตนได้ง่ายขึ้น ด้วยการผลุบเข้าไปในความฝันของ Jason และควบคุมเขา"
Freddy ส่งมอบภารกิจแรกให้กับ Jason ซึ่งก็คือการฆ่าล้างครอบครัวที่บ้านเลขที่ 1428 Elm Street แต่คราวนี้แตกต่างคราวก่อนๆ เพราะหลักฐานและร่องรอยการฆาตกรรมต่างๆถูกกลบเกลื่อนและทำความสะอาดเป็นอย่างดี Lori Campbell (แสดงโดย Monica Keena) เป็นคนเดียวที่ได้กลิ่นไม่ดีของเหตุการณ์นี้โชยมา และเมื่อศพและผู้เสียชีวิตมีจำนวนมากขึ้น เธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นประกาศสงครามกับสองปีศาจนั้น
Monica บอกว่า "Lori เป็นอะไรที่คล้ายๆกับพระเอกหนังแอ๊กชัน เกิดเหตุร้ายขึ้นปุ๊บ เธอก็จะต้องเป็นคนที่คอยดูแลและปกป้องทุกคน เธอก็เป็นหญิงสาวไร้เดียงสาธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละ แต่กลายเป็นฮีโร่ในตอนท้ายที่สุดเท่านั้นเอง"
อีกคนหนึ่งที่น่าสนใจคือ Kelly Rowland สาวเสียงทองจาก Destiny's Child ที่ขอมีผลงานภาพยนตร์แรกเรื่องกับเขาบ้างใน Freddy vs. Jason นี้ Kelly แสดงเป็น Kia เพื่อนสาวของ Lori "Kia เป็นสาวร้ายที่ค่อนข้างยโสทีเดียว" Kelly เล่า "แต่เธอเป็นเพื่อนที่ดีนะคะ"
Monica พูดถึงเพื่อนสนิทในจอของเธอคนนี้ว่า "Kelly เป็นคนที่คุณไม่มีทางหาเรื่องอะไรมาว่าร้ายเธอได้เลย" นอกจากนั้นแล้ว "เธอทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียว แล้วก็ยังเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง สนุกสนานแล้วก็อ่อนไหวด้วยละ"
Robert Englund หรือ Freddy ของเรานั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่า "คนดูจะต้องตั้งตารอดูสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคนี้ให้ดี เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่สองไอคอนสุดดังแห่งวงการหนังสยองขวัญ แต่ยังเป็นมุมมองแปลกใหม่และไม่เหมือนใครที่ผู้กำกับเลือดเอเชียคนนี้นำเสนอให้กับเรา สิ่งเหล่านี้แหละจะทำให้ Freddy vs. Jason เยี่ยมยอดไม่แพ้ของเดิมและจะทำให้ป๊อบคอร์นของคุณเกลื่อนพื้นพรมของโรงหนังเลยละ"