Home Shop Mag'z Member Basket Thai / English Site Map
Webboard Book Toy Music Movie
Movie
  >  home >  movie >  Interview > 
    Behind the Scenes of 'Freddy vs Jason'แหล่งที่มา :
หนังสือ Movie Time / 2003
Behind the Scenes of
'Freddy vs Jason'

นิวไลน์ซีเนม่ายกเอาสองมหาอำนาจแห่งแวดวงหนังสยองขวัญมาหย่อนไว้ข้างๆกันเพื่อให้อสูรคู่นี้ได้ประฝีมือในภาพยนตร์เรื่อง Freddy vs. Jason และปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับเลือดตะวันออกนามว่า Ronny Yu จนกระทั่งจินตภาพของปีศาจร้ายแห่ง Nightmare on Elm Street 'Freddy Krueger' ย่างเท้าเข้าไปในความฝันของฆาตกรทมิฬแห่ง Friday the 13th 'Jason Vorhees' เป็นรูปเป็นร่างออกมาจนเสร็จสมบูรณ์

Robert Englund หวนคืนบ้านเก่าในบท Freddy โดยมีอดีตสตันท์แมนมือดี Ken Kirzinger มาเป็นเจ้าของบทฆาตกรในหน้ากากฮ็อคกี้ และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับสองดารานำที่คาดว่าจะเป็นที่กล่าวขานถึงการกลับมาครั้งนี้ที่สุด และชายทั้งสองคนนี้ก็เต็มใจที่จะบอกเล่ารายละเอียดต่างๆเป็นอันดีซะด้วยแน่ะ

เอาละ แล้วแฟนๆอย่างเราควรจะคาดหวังอะไรจาก Freddy vs. Jason ดี
Robert Englund มันเป็นหนังประเภทที่ว่า เป็นแฟนตาซีของพวกหนุ่มๆและวัยรุ่นผู้ชายน่ะครับ พวกเขาอยากดูอะไรประมาณว่า 'เฮ้ Englund คุณอัดก้นเจ้า Jason ซักป้าบให้เราดูหน่อยได้ไหมพวก!' อะไรแบบนี้น่ะ มันเป็นของที่พวกผู้ชายเขาอยากดูมานมนานแล้ว และนิวไลน์ก็เตรียมการสำหรับเรื่องนี้ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ของ Friday the 13th เอาไว้ล่วงหน้า ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปีก่อนก็จะมี Frankenstein Meets the Wolf Man มาจนถึง Frankenstein meets Dracula มันเป็นคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการต่อกรระหว่างสองซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ก็ปีศาจสองตน มันเป็นความใฝ่ฝันที่จะได้ดูอะไรแบบนี้ในภาพยนตร์ของพวกผู้ชายมาตลอดครึ่งศตวรรษหลังมานี้ครับ

ผมคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเลยนะครับ ที่นิวไลน์คิดจะหันมาจับสองปีศาจแห่งยุคที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของป็อบคัลเจอร์ที่โดดเด่นอย่าง Freddy และ Jason ออกมาสร้างเป็นตำนานบทใหม่อีกครั้ง มันก็เหมือนกัน Superman Meets Batman และ Alien vs Predator น่ะแหละครับ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่สนุกดี

ตอนที่ Ken กับผมมาปรากฏตัวอยู่ในซีนเดียวกัน มีคนบอกกับผมว่ามันเป็นภาพที่ทำให้เขานึกถึง Bluto และ Popeye หรือไม่ก็คู่ปรับในหนังการ์ตูนเก่าๆที่เคยดูสมัยก่อน ในซีนที่ผมดึง Jason เข้ามาอยู่ในอาณาเขตความฝันของผม ตอนที่ผมทำให้เขาคิดว่าเขาเจ๋งที่สุด น่ากลัวกว่าใครๆ แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดเป็นอำนาจของผมที่เสกสรรปั้นแต่งมันขึ้นมา แต่ในตอนจบของเรื่องที่มันกลายเป็นเรื่องคล้ายๆเจ้าการ์ตูน Roadrunner สำหรับผม ทีผมกลับต้องพลัดเข้าไปอยู่ในโลกของเขาที่ Camp Crystal Lake บ้าง ผมก็ต้องเป็นฝ่ายใช้ไหวพริบสติปัญญาที่จะเอาตัวรอดออกมาเหมือนกัน

แต่จากพล็อทที่เราได้รู้มา มันฟังดูเหมือนว่าพวกคุณสองคนร่วมมือกันไล่ล่าวัยรุ่นพวกนั้นไม่ใช่เหรอ
Robert Englund ไม่ครับ ไม่ใช่ มันเป็นคนละช่วงเวลากัน

Ken Kirzinger แต่อีกอย่างหนึ่งที่แฟนๆคาดหวังจากเรื่องนี้ได้ก็คือมันยิ่งใหญ่กว่าและดีกว่าเดิม เพราะเรามีทุนสร้างที่มากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว เรามีผู้กำกับที่สุดยอดอย่าง Ronny Yu และนั่นทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้น โดยเฉพาะฉากต่อสู้ของเรานั้น มันยิ่งใหญ่มากจริงๆ

Robert Englund แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นสุดยอดเหนือใครนะครับ ในมุมมองของคนดูทุกวันนี้ Nightmare 5 ภาคแรกที่ออกมานั้นเป็นขวัญใจและเป็นที่ชื่นชอบตลอดกาล พวกเขาสร้าง Johnny Depp, Brecking Meyer, Patricia Arquette, Steven Hopkins, Renny Harlin, Chuck Russell นักแสดงและผู้สร้างทั้งหลาย รวมถึงตากล้องชั้นยอดต่างก็มาจากหนังเขย่าขวัญเรื่องนี้

แต่พวกเรามีความกระหายอยากจะทำ เรามีสคริปต์ที่เลิศ นักแสดงฝีมือดีจำนวนมากและมีเงินพอที่จะทำ เราไปกันที่แวนคูเวอร์ ที่ที่เราจะได้มี Camp Crystal Lake ถ้าคุณรู้จักแวนคูเวอร์ละก็ คุณรู้ว่าคุณจะสามารถขับรถเพียง 5 นาทีจากที่พักไปยังโลเคชั่นที่สวยงามและทะเลสาบที่สุดเพอร์เฟ็กต์ มันเหมาะที่จะเป็นดินแดนของ Jason ที่สุดเลย

Ken Kirzinger และสำหรับห้องต้มน้ำของ Freddy นั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมือสร้างฉากขึ้นมาด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไปเจอห้องต้มน้ำเก่าแห่งหนึ่ง แล้วก็ตกแต่งมันอีกนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว

Robert Englund มันเป็นอุโมงค์เก่าแห่งหนึ่งน่ะครับ

มีอะไรที่คุณกลัวหรือทำให้คุณเป็นเด็กขี้แยกันบ้างหรือเปล่า
Ken Kirzinger มีครั้งหนึ่งตอนที่ยังเป็นเด็ก หลังจากที่พ่อกับแม่เข้านอนกันหมดแล้ว ผมแอบเปิดทีวีอยู่คนเดียวเพื่อดูพวกหนังสยองขวัญที่ออกอากาศตอนดึกๆ ผมคิดว่ามันน่าสนุกน่าตื่นเต้นมากกว่าจะน่ากลัวด้วยซ้ำ

คุณกลายเป็นไอคอนคนสำคัญของหนังสยองขวัญไปแล้ว คุณรู้สึกยังไงบ้าง
Englund คุณก็รู้ว่า ผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว และผมก็แสดงเป็นตัวละครตัวนี้มาตั้งแต่ปี 1973 โน่น ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของผม พวกเขารู้จักแต่หน้าตาของผมที่มีแผ่นลาเท็กซ์หนาเป็นปึกนี่เท่านั้น แต่มันก็แปลกดีนะที่ผมทำให้ครอบครัวผมแฮ้ปปี้ได้ เพราะผู้คนเริ่มจดจำและรู้จักนามสกุลของเรากันได้มากขึ้น

ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และวัยที่เหมาะเจาะที่สุดแล้ว เพราะตอนที่ผมได้แสดงบท Freddy เป็นครั้งแรกนั้น ผมมีผลงานแสดงภาพยนตร์มาแล้ว 15 เรื่องและซีรี่ย์ทางโทรทัศน์อีกหนึ่งเรื่อง และนั่นทำให้ผมได้รับของขวัญที่มีค่ามาก 2 ชิ้น หนึ่งคือการที่ผมได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฮอลลีวู้ด กลายเป็นคนในวงการ ทุกคนรู้จักผม ผมรู้สึกผ่อนคลายและเอ็นจอยกับช่วงเวลานั้น ตอนที่ Ken กับผมออกเดินสายเพื่อโปรโมทหนังของเรานั้น พวกเราสนุกสนานกับการได้พบปะแฟนหนังวัยรุ่นทั้งหลายมากจริงๆ และของขวัญชิ้นที่สองที่ผมบอก Ken ว่าผมคิดว่าเราน่าจะได้รับเพราะผมคิดว่าหนังสยองขวัญนั้นมีขีดความสามารถเทียบเท่าหนังแอ็กชั่น เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นหนังที่มีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล มันสามารถสื่อถึงคนได้ทุกชาติทุกภาษา คุณสามารถไปหย่อนผมไว้ที่ปารีสวันพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วเชื่อเถอะว่าทุกคนจะให้การต้อนรับผม เพราะหนังคอมเมดี้อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับในต่างแดน ในขณะที่หนังแอ็กชั่นและหนังเขย่าขวัญไม่ต้องเจอกับปัญหานี้

ตอนนี้ผมถ่ายหนังเรื่องที่ 8 ที่ถ่ายในยุโรปเสร็จไปแล้ว แล้วก็มีหนังที่จะออกฉายในเทศกาลภาพยนตร์เวนิสปีนี้ เป็นหนังอิตาเลี่ยนน่ะครับ เป็นโบนัสก้อนโตสำหรับการตรากตรำมาหลายปีนะ ผมว่า

เมื่อปี '84 Wes Craven สอนผมเอาไว้ว่าจงให้ความเคารพแนวของหนังที่เราแสดงและอย่าไปดูถูกมัน ตอนที่ยังเป็นเด็ก Ken กับผมก็เหมือนกัน แม้ว่าผมจะเด็กกว่าเขาหลายปีก็เถอะ แต่ผมจำได้ว่าการไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นของวันที่เราได้ดู Twilight Zone นั้นมันน่าตื่นเต้นแค่ไหน ทุกคนจะปากยื่นปากยาวแย่งกันพูดถึงภาคโปรดใน Twilight Zone ของแต่ละคน ไม่ก็วิพากษ์วิจารณ์หนังเขย่าขวัญเรื่องล่าสุดที่เพิ่งได้ดูมา สิ่งเหล่านี้ก็เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของผม Wes Craven มีเด็กชายวัย 14 ปีอยู่ข้างในตัวเขา ซึ่งผมจะต้องเรียนรู้ที่จะทำอย่างนั้นบ้าง และผมคิดว่ามันน่าจะสนุกดี

คุณคิดว่าตัวเองจะนึกเบื่อหนังแนวนี้ขึ้นบ้างสักวันไหม
Robert Englund ผมเพิ่งเสร็จจากงานแสดงในหนังเรื่องที่ 62 ของผม ผมเล่น Freddy มาแล้ว 8 ภาค และหนังเขย่าขวัญอื่นๆอีก 4 เรื่อง เท่ากับว่าผมแสดงหนังเขย่าขวัญมาแล้วทั้งหมด 12 เรื่อง และหนังอื่นๆอีก 50 เรื่อง แต่ผู้คนไม่เคยได้รู้จักผมจากบทบาทในหนัง 50 เรื่องนั่น ผมจะเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง ผมบอก Ken ว่าผมต้องอยู่กับเมคอัพหนาๆนั่นมาตลอดเวลา 10 ปี และเมื่อผมดึงมันออกเพื่อที่จะหันไปเล่นหนังแนวอื่นบ้างในปี 94 ผมก็ได้รู้ว่า เมื่อปราศจากเมคอัพน่าขนลุกพวกนั้นผมคือคนใหม่ของวงการที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนเลย แต่ตอนนี้ผมได้เป็น Vincent Price ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้บ้าคลั่ง ได้เล่นในซีรี่ย์เรื่อง Buffy เป็นศาสตราจารย์ ทุกอย่างก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไปเอง เราไม่สามารถควบคุมคนดูได้ว่าจะให้เขาเชื่ออย่างไร ผมบอก Ken ว่า แค่เตรียมพร้อมไว้ก็แล้วกัน เพราะเมื่อเข้ามายืนตรงนี้มันก็เหมือนกันนายยืนอยู่บนโรลเลอร์คอสเตอร์นั่นแหละ ยากและเปลี่ยนแปลงปุบปับ แต่จงสนุกกับมันซะ

คุณอยากจะแสดงกันอีกซักภาคไหม
Ken Kirzinger ถ้าฮอลลีวู้ดต้องการ เราก็พร้อมจะทำ
Robert Englund ไม่รู้สิครับ ผมไม่รู้ว่าจะมีการสร้าง Freddy vs Jason แต่ผมคิดว่าพวกเขาพยายามจะใส่อะไรใหม่ๆให้กับหนังชุดเรื่อง Friday the 13th และ Nightmare on Elm Street นี้ แต่ข่าวลือข่าวเดียวที่ผมพอจะเคยได้ยินมาก็คืออาจจะมีการสร้างภาคก่อน (Prequel) ของ Nightmare on Elm Street ขึ้นมาเป็นฉบับออริจินัลฉบับแรก นี่เป็นข่าวเดียวที่ผมคิดว่าน่าจะพอเชื่อได้นะ

Ken Kirzinger พวกเขาอาจจะไม่ใส่ Freddy กับ Jason ไว้ในทีมเดียวกันแล้วก็ได้ แต่ถ้าแฟนๆอยากจะเห็นทั้งคู่บนจอใหญ่อีกก็จะได้ไม่ต้องผิดหวัง

Robert Englund เรื่องนี้มันหมูสำหรับ Ken เพราะเขาเป็นสตันต์มาก่อน เขาเพิ่งกลับจากการทำงานในกองถ่ายเรื่อง Riddick แต่ผมจะเรียกหนังเรื่องนี้ว่า Pitch Black 2 จะง่ายกว่า เขาได้ร่วมงานกับ Vin Diesel ในเรื่องนี้ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างสบาย แต่ผมเนี่ยออกจะแก่ตัวลงทุกที ถึงจะเคยเป็นนักยิมนาสติกมาก่อนก็เถอะ แต่นั่นก็เมื่อสมัยที่ยังมีเรี่ยวแรงมากกว่านี้ ตอนนี้แค่โดนตบหัวแรงๆซัก 2 ทีผมก็แทบลุกจากเตียงไม่ไหวแล้วละ เพราะงั้นในจอที่คุณเห็น Jason อยู่กลางกองเพลิงละก็ นั่นคือ Ken ตัวจริงเสียงจริง แต่ถ้าเป็น Freddy ลอยอยู่บนอากาศ นั่นไม่ใช่ผมหรอกครับ

ฉากไฟไหม้นี่เป็นฉากที่ยากที่สุดในหนังเลยหรือเปล่า
Ken Kirzinger โอ้ ไม่หรอกครับ ผมว่าที่ยากที่สุดน่าจะเป็นตอนที่ผมจมลงไปก้นทะเลสาบมากกว่า เราถ่ายฉากนี้กันในแท้งค์น้ำที่ผสมคลอรีนในอัตราที่สูงมาก พวกเขาถมดินถมทรายลงไปในแท้งค์เพื่อให้มันออกมาดูขุ่นเหมือนน้ำในทะเลสาบ Ronny อยากโดนช็อตโคลสอัพที่ดวงตาของผม คือเขาอยากให้ผมทำเป็นจมน้ำลงไปทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่ แต่น้ำนั่นทำให้ลูกตาผมปวดแสบปวดร้อนไปหมดเลยละ ยิ่งตอนหงายหลังลงไปละก็ น้ำจะทะลักเข้าปากเข้าจมูกทั่วไปหมด นอกจากนั้นแล้วผมก็ยังมีหน้ากากที่ต้องสวม ทำให้ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ห้ามปล่อยฟองอากาศออกมาไม่งั้นมันละผุดออกมาตามรูของหน้ากาก ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำตอนอยู่เหนือน้ำก็คือ ปล่อยอากาศออกมาให้หมดท้อง แล้วก็ค่อยๆปล่อยตัวเองจมลงไปจนถึงพื้นแท้งค์ ห้ามหายใจ แล้วก็เบิกตาให้กว้างๆไว้

Robert Englund และที่เขาต้องระลึกไว้ก็คือ ฟองอากาศทุกฟองที่เขาปล่อยออกมาหมายถึงเงิน 10,000 เหรียญที่จะต้องไปลบมันออกด้วย CGI พวกเขาต้องการภาพที่ดูเซอเรียลที่สุด เหมือนความฝันน่ะครับ

แล้วพอถ่ายทำออกมาเสร็จหมดแล้ว คุณได้ใช้ CGI ไปเยอะแค่ไหนกัน
Robert Englund ผมเพิ่งคุยกับ Ronny Yu เขาบอกว่าหนังเสร็จสมบูรณ์แล้วเมื่อวานนี้ แล้วผมก็เผอิญรู้จัก Ariel (Velasco-Shaw) คนที่รับผิดชอบเรื่อง CGI ทั้งหมดในเรื่อง เขายังไม่ได้หลับได้นอนเลยนับตั้งแต่เราถ่ายหนังเสร็จ ตอนนี้เขาก็เลยไปเที่ยวชดเชยค่าที่เหนื่อยยากอยู่หลายคืนที่แคนาดา เขาท่องปาร์ตี้ในแวนคูเวอร์ทุกคืน Ariel มีภรรยาและลูกๆอยู่ที่นั่น แต่เวลาทำงานเขาเป็นคนที่ทุ่มเทมาก เขาบอกว่าเมื่อวานนี้การตัดต่อและผสมเทคนิคพิเศษเพิ่งเสร็จเรียบร้อย

คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นตัวปิดฉากทั้งหนังทั้งสองเรื่องลง หรือมันจะกลายเป็นตัวคืนชีพให้กับหนังชุดทั้งสองเรื่องนี้แทน
Ken Kirzinger มันก็เข้าอีหรอบเดิมที่เรารู้ๆกันแหละครับ ถ้าหนังทำเงินมากพอ พวกเขาก็จะสร้างภาคต่อออกมาอีก

แล้วการโอนหน้าที่จากสตันท์แมนมาเป็นนักแสดงนี่เป็นเรื่องยากไหม
Ken Kirzinger ที่จริง เมื่อก่อนนี้ผมก็เคยแสดงมาบ้างแล้วนะ ผมก็เริ่มจากการเป็นสตันท์แมนนี่แหละ พอทำไปทำมาเขาก็เริ่มให้ผมมีบทพูดแล้วก็การแสดงเล็กๆน้อยๆ จนกระทั่งผมมีเอเย่นต์แล้วเขาก็รับงานแสดงให้ผม แต่แล้วสุดท้ายผมก็เลิกเป็นสตันท์แล้วหันมาจับงานสตันท์โคออดิเนเตอร์แทน จนกระทั่งเอเย่นต์ของผมถอนตัวออกไป ผมก็หันมาทำด้านประสานงานสตันท์นี้อย่างเต็มตัว แต่แล้วโอกาสมันก็หล่นลงมาตรงหน้าเอง ตอนที่ผมไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับงานสตันท์โคออดิเนเตอร์ให้กับหนังเรื่องหนึ่ง โปรดิวเซอร์ของเรื่องเกิดถูกใจหน้าตาผมเข้า แล้วก็เหมือนกับว่าเป็นผมนี่แหละที่เขามองหาอยู่ พอสองสัปดาห์ถัดมาพวกเขาก็โทรมาตามตัว "คุณอยากจะมาเข้าออดิชั่นคัดเลือกนักแสดงไหม" ซึ่งผมก็ไป แล้วพวกเขาเอาเทปของผมไปให้ Ronny ดู

พูดถึงการเปลี่ยนงานไปเป็นนักแสดงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนะครับ ในฐานะสตันท์โคออดิเนเตอร์ ผมต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของทั้งนักแสดงและลูกทีมเต็มตัว แต่ตอนนี้ความรับผิดชอบของผมลดลงเหลือแค่ตั้งใจกับการแสดงของตัวเองให้ดีที่สุด และทำให้ตัวละครของผมกลายเป็นตัวของผม บทนี้เคยเป็นของ Kane Hodder ที่แสดงมาแล้ว 4 ครั้ง แน่นอนแฟนๆทุกคนคาดหวังไว้ว่าคนที่มาแสดงแทนจะต้องดีพอ และผมเชื่อว่าผมดีพอ (หัวเราะ) มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ

Robert Englund ไม่รู้ว่า Ken จะเห็นด้วยกับที่ผมพูดไหม แต่ผมเคยทำงานกำกับมาก่อนและผมก็รู้สึกได้ถึงเวลาที่ Ken สามารถแก้ปัญหาต่างๆในสถานการณ์ยากๆมาได้ทุกครั้ง ผมรู้ว่าพวกเขาปล่อยให้ Ken กับผมจัดการด้วยตัวเอง การเป็นนักแสดงคุณจะต้องยอมให้ผู้กำกับจัดการกับตัวคุณ ยอมให้สตันท์โคออดิเนเตอร์จัดการกับตัวคุณ แค่ถอดหมวกที่คุณสวมอยู่ออกแล้วก็สวมหมวกของนักแสดงเข้าเท่านั้นแหละ แต่การทำอย่างนี้ได้ก็หมายถึงว่าคุณจะต้องไม่ซีเรียสกับมันมากจนเกินไปด้วยนะ

การนั่งให้ช่างแต่งหน้าลงเมคอัพครั้งละนานๆแบบนั้น คุณทรมานรู้สึกบ้างไหม
Robert Englund กับ Ken ผมไม่รู้นะ แต่การแต่งหน้าของผมเมื่อปี 94 นั้น เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปเยอะเลย ผมได้สาวคนเก่งคนหนึ่งช่วงประดิษฐ์หน้าของผมให้จากร้านของเธอในแคนาดา เธอเคยทำงานเมคอัพให้ Steven Spielberg ในเรื่อง Taken แล้วก็เคยทำเมคอัพในเรื่อง Scooby Doo 2 มาแล้ว เธอยอดเยี่ยมมากจริงๆ แต่ปัญหาของผมอยู่ตรงที่ตอนเอามันออกนี่แหละ ผมต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงเต็มๆเพื่อแกะมันออกจนหมด แถมในเรื่องนี้ผมต้องถ่ายทำฉากในน้ำอยู่หลายฉากซะด้วย เวลามีน้ำเข้าไปขังอยู่ใต้แผ่นลาเท็กซ์พวกนี้มากๆแล้ว มันจะดูเหมือนคอนด้อมอันใหญ่ๆเลยละ

Ken Kirzinger เมคอัพของผมไม่เลวร้ายขนาดนั้น แค่ฮู้ดหนึ่งอันที่สวมไว้บนศีรษะ แล้วก็สีที่ใช้ทาหน้า มีแค่ครั้งเดียวเองมั้งที่ผมต้องแต่งหน้าแบบเต็มอัตรา แต่ก็ต้องสวมหน้ากากปิดไว้อยู่ดี ถ้าเป็นช่วงที่หยุดพักระหว่างถ่ายทำนานๆ ผมจะถอดหน้ากากกับฮู้ดออก แล้วก็นั่งหายใจสบายๆในขณะที่ Robert ต้องอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

Robert Englund ใช่ผมโดนฉาบไว้จนมิด น้ำในทะเลสาบน่ะเย็นเจี๊ยบจนผมไม่รู้ว่าพวกเด็กๆลงไปว่ายน้ำกันได้ยังไง มีอยู่สองครั้งที่เราต้องสวมเว็ทสูทเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสั่นไปทั้งตัวเวลาที่เสื้อผ้าเปียกน้ำหมด พอถ่ายเสร็จก็ต้องวิ่งขึ้นมากระโดดลงแช่น้ำอุ่นในอ่าง ในขณะที่ลูกๆของ John กับ Monica Keen กลับกระโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผมกับ Ken ก็เลยรู้สึกว่าถึงเราจะอสูรที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนในหนังเรื่องนี้ แต่กับน้ำเย็นๆที่ Camp Crytal Lake เรายอมแพ้จริงๆ

  • สินค้าที่เกี่ยวข้อง
    คลิกดูรายละเอียด

  •  

    Top
    E-Mail

    Password


    Community
    Activity
    Photo Contest
    Bey Blade
    Cartoon 9
    Chat Room
    D-3
    D-Terminal
    D-Power
    Digimon
    Download
    Market Place
    Micro pet
    Quiz
    Can not select dB