มือครอบกอบเล
การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ทะเลบอก
คลื่นโถมเข้าหาฝั่งไม่เคยซาลง แม้บางครั้งจะเงียบสงบดั่งคนหลับไหล และแผ่นน้ำราบเรียบดั่งน้ำใสในบ่อบนหุบเขาไกลโพ้น แต่ในเวลาที่คุณนึกไม่ถึง มันกลับใบ้บอดไม่สนใจใยดีต่อผู้คนริมฝั่ง ไม่สนใจบ้านเรือนชาวประมงชายฝั่ง มันกระหน่ำเข้าใส่จนทุกสิ่งทุกอย่างถูกพัดพาไปกับระลอกคลื่น แล้วจมหายไปในทะเล คุณหวนคิดว่า มีมาเช่นนี้เนิ่นนานนัก เอาเถอะ ชีวิตทุกชีวิตริมฝั่งทรายก็อยู่กันมาได้ ง่ายงามนิ่งสงบ ฝ่ามรสุมด้วยใจแข็งแกร่ง
ทุกสิ่งที่มาจากภายนอก นั่นแหละ ทำร้ายเรา มาอย่างเลิศหรู พร้อมคำสัญญา แล้วก็ลบรอยไปจากพื้นทราย เช่นเด็กๆ เล่นวาดดวงดาว วาดดวงอาทิตย์ริมฝั่ง คลื่นถาโถมเข้ามาพรายฟองละเลียดเม็ดทรายลงสู่ท้องทะเลคล้ายจะเล่าความเป็นไป
คุณเดินเล่นน้ำไปเรื่อยเปื่อย ฟองคลื่นเกาะพรายอยู่ที่ปลีน่องผ่องนวล พร้อมสนทนากับทะเล ในวันผ่อนพักงานหนักจากเมืองใหญ่ เมืองที่ใช้พลังงานแสงไฟมากกว่าไฟล่อปลาหมึกของชาวประมง สายลมรำพึงปลอบให้คลายกังวลจากภาระชั่วขณะ สนส่ายยอดไหวล้อเล่นลมเล บทสนทนาจากทะเลเป็นไปในท่วงทำนองชวนให้เคลิ้มหลับฝัน และชวนให้โลดแล่นไปด้วยเท้าเปลือยเปล่า คุณสัมผัสพื้นทรายแล้วระลึกถึงการก่อทางสร้างฉากของผู้คน จนถนนชีวิตสับสน เช่นเดียวกับเวลานี้ เวลาที่ตะวันใกล้จะทิ้งดวงเหนือภูเขาทิศตะวันตกไกลโพ้น เป็นชั่วโมงแห่งความหวาดกังวล คำพูดจากภายในใจสะท้อนเสียงก้องท้องทะเลดังยิ่งกว่าคลื่นถาโถม
คุณถามทะเลว่า เจ้าของผืนน้ำและหาดทรายนี้เป็นใคร นอกจากชาวประมงจะออกไปทำมาหากินพลบค่ำแสงไฟเขียวแดงล่องเหนือเรือปลา เรือหมึก สะท้อนแสงละเลงผิวน้ำ โยนตัวสูงต่ำตามแรงคลื่น เรือปลาและเรือหมึกรื่นเริงอยู่ชายฝั่งไม่ไกลกว่าแรงคนแรงเครื่องมือพื้นบ้าน
คุณเดินทางไปไม่มีที่สิ้นสุด พักสงบบ้างกับธรรมชาติ ฟังเสียงลมทะเลร่ำร้องเพลง พักเพื่อจะไปตักตวงพลังงานส่วนเกินในเมืองใหญ่ ส่วนเกินที่บีบเอามาจากผู้คนไกลโพ้น จากท้องทุ่ง จากภูเขา จากป่า จากทะเล
เดินไปพลางเล่นกับฟองคลื่นไปพลาง คุณลุยเดี่ยวลงน้ำ สีครามแพรวพราวรับแสงทอง คุณอยากโอบกอดน้ำทะเลเอาไว้ นึกถึงความอลังการในยามเช้า ลมฟ้าสงบ เรือแล่นไปอย่างตื่นตัว ทุกคนที่อยู่บนเรือก็ตื่นเต้น พราวแพนหางสีฟ้าโผล่เหนือผืนน้ำยามสงบ อีกชั่วไม่กี่นาที ทุกคนก็ได้เห็นความมหัศจรรย์ เจ้าปลายักษ์สีฟ้าแกมน้ำเงินโผล่ขึ้นมาอวดกาย ทุกคนตะลึงความสวยงามที่แสนดี ซึ่งโผล่ขึ้นมาล้อเล่นกับผู้คน บางทีมันอาจเป็นความโชคร้ายที่ได้เห็นมันอีก หรืออาจนำสิ่งดีใหม่ๆ เข้ามา บางทีมันอาจเจือปนความหวังสีฟ้าไว้ให้ทะเลบ้าง
น้าโรจน์บอกว่า แท้จริงมันโผล่ขึ้นมากินปลาเล็กปลาน้อยเขตนี้มานานนัก ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ตายายก็เล่าว่า ปลาจ้าวขึ้นมา ชาวประมงจะรู้ดีว่า ต้องหันหัวเรือหนีหรือไม่ก็กลับเข้าฝั่ง นั่นคือสัญญาณแห่งโชคที่ไม่ดีนัก หากไปยุ่งเกี่ยวกับมัน แต่เดี๋ยวนี้มันคือผู้เติมพลังให้ได้สู้พายุร้าย...
ปลายักษ์สีเงินใต้ท้องทะเลอุดมสมบูรณ์ ยังตรึงอยู่ในความคำนึงของคุณ ความปรารถนาต่างๆ พลุ่งพล่านขึ้นมาในอก อึดอัดสับสนกับถ้อยคำที่ตามมาอยู่ริมฝีปาก แล้วใครจะเอาฝ่ามือสกปรกมาครอบทะเลไว้ได้? ดวงใจและวิญญาณของชาวประมงอยู่ในท้องทะเล แต่คุณเป็นคนนอก มาเที่ยว มาสัมผัสธรรมชาติ ช่างเถอะ...เรามาเล่นน้ำทะเล ระลอกคลื่นระลอกเล่า พัดมาแล้วก็จางหาย ช้านานไปก็จางหาย กอบทรายสีเทาลงไปสู่ท้องทะเล สีเทาจากรอยเท้า รอยขี้เถ้าแห่งความปรารถนาของคนจากแดนไกล เพื่อตักตวงเอาแต่สุขสบาย นั่นแล คุณเองก็อยากสบายอยากสะดวก
การเดินเล่นริมหาดทรายใกล้จบสิ้น ดังเรื่องเล่าของชาวประมงพื้นบ้านทะเลไทย ว่ากันว่าปลาเล็กปลาใหญ่มากมายก็จะสูญพันธุ์ตามมา คุณกอบเอาคลื่นขึ้นมาไว้ในอุ้งมือ ชั่วขณะแค่คุณแบมือออก มันก็ร่วงลงบนมือแม่ทะเลอย่างนุ่มนวล คุณอยากใช้มือทั้งสองครอบน้ำทะเลไว้ แต่มือน้อยกระด้างเกินโอบความทรงจำที่ดีได้อีก เดินลึกลงไปจนน่าใจหาย มือน้อยๆ ของคุณเล็กกว่าท้องทะเล ยิ่งลึกลงไป อีกกี่มือจะกอบคลื่นทะเลขึ้นมาบอกข่าวการเดินทางอันไม่สิ้นสุดของชาวเล
การเดินทางของคลื่นทะเลเพิ่งเริ่มต้น มันกำลังจะบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนิ่งสงบมานาน คุณบอกตัวเอง
แหล่งที่มา : คอลัมสนามเรื่องสั้น โดย ด.ญ.สุชาดา บำเพ็ญผล ชั้น ป.6 ข โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์บางกรวย จ.นนทบุรี หนังสือจุกประกายวรรณกรรม, วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2545
|