บทเพลงของพายุ
...ณ วินาทีแห่งการตัดสินใจอันสำคัญยิ่งยวดนี้ กลางมหาสมุทรแปซิฟิกมีเรือสินค้ากี่ลำยังไม่ได้เทียบท่า อีกทั้งเรือสำราญและเรือหาปลาอีกมากมายเกินจะนับ ทว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ ฝูงนกอพยพนานาชนิดกำลังโบยบินเหนือน่านน้ำ พวกมันบ่ายหน้ามุ่งสู่ฟากฝั่งด้วยแรงใฝ่ฝันถึงการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์อันเป็นที่รัก ทว่า เขาคือพายุ และโลกปัจจุบันก็บีบบังคับให้หมุนแรงจนคลุ้มคลั่งเลวร้ายไร้ขีดจำกัด การตัดสินใจฆ่าตัวตายแท้จริงแล้วเป็นได้แค่การล่องลอยออกไปจากตัวเอง พายุก่อกำเนิดจากสายลม ตราบใดสายลมยังคงโบกโบยเหนือน่านฟ้า เผ่าพันธุ์แห่งพายุย่อมจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ทั้งในโลกปัจจุบันและอนาคต ในโลกที่เป็นจริงและโลกของความฝัน คำตอบทั้งหมดมีอยู่ในสายลม
ชายประมงชราออกเรือไปตามลำพัง ด้วยความหวังลึกๆ ว่าจะได้พบกับเพื่อนเก่าตรงเส้นขอบฟ้า ส่วนหลานชายของแกกำลังหมอบราบบนหลังคารถไฟขบวนค่ำคืน จังหวะทับในเพลงตะลุงถี่กระชั้นกลางห้วงสำนึกของเด็กหนุ่ม แม่จะไม่สามารถดังกลบเสียงกลองชุดหน่วงหนัก จากวงดนตรีตราหัวควายลงได้ แต่มากพอจะทำให้น้ำตาคลอหน่วย ประสบการณ์เด็กหนุ่มคนหนึ่งยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกด้วยเหตุผลได้ มีบางสิ่งเหนือขึ้นไปกว่าการคิดถึงรวงรังของนกปีกอ่อน วูบหนึ่งจากขีดดาวตก ปลุกเด็กหนุ่มตื่นขึ้นท่ามกลางสายลมหวีดหวิว สะพานเหล็กคร่ำครวญสะท้อนไปทั้งลุ่มน้ำ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังกลับบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างบรรทุกหนักอึ้งบนหลังไหล่ว่างเปล่า เขาออกจากบ้านเพราะต้องการหนีไปเสียให้พ้นกลิ่นคาวทะเลทะเลฆ่าพ่อของเขาอย่างโหดร้ายในค่ำคืนแห่งพายุ ทอดทิ้งแม่ไว้เพื่อผู้ชายอื่นมากมายหลายคน แต่ละวันของปู่หมดสิ้นไปกับการเปล่งบทสรรเสริญและกราบไหว้ทะเลอยู่งันงง เด็กหนุ่มไม่เคยเคลือบแคลงสงสัยในความรักที่ปู่มีต่อลูกชายคนเดียว ทว่า การยกย่องฆาตกรขึ้นสูงเทียมพระเจ้า พร่ำสอนหลานชายว่านั่นคือการแสดงออกถึงความดีงามซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องกระทำ มีหรือเด็กหนุ่มจะหลงเชื่อ ภาพเป็นจริงขึงกว้างจนมองเห็นแจ่มชัด เด็กหนุ่มเลือกที่จะหนี ทว่า ขณะนี้เขากำลังกลับมา
หญิงกลางคนเมามายเหล้าก้นขวดอยู่กลางเมืองแห่งลุ่มน้ำ หวูดแหลมคมบาดลึก ค่ำคืนหม่นหมอง เด็กหนุ่มไต่ลงมาถึงข้อต่อโบกี้ก่อนขบวนจะเข้าเทียบชานชาลา ผู้คนพลุกพล่านทั่วไปภายใต้ครอบหลังคาสถานีเก่าแก่แห่งนี้ เสียงโหวกเหวกโวยวายของการซื้อขายระหว่างคนหิวกับคนหิวล่องลอยเบื้องหน้า เขาแอบกลืนก้อนน้ำลายลงคออย่างเศร้าสร้อย ไม่นานนักเขาได้ยินเสียงระฆังบอกสัญญาณการพลัดพราก หวูดปลุกเขาตื่นขึ้นอีกครั้งและพบว่า ขบวนรถไฟกำลังเลื้อยอ้อมพ้นตีนเขาลูกเล็กๆ มา เขาป่ายปีนหมอบราบอยู่ที่เดิม ขณะเดียวกันนั้นเอง ชายประมงชราพลันแหงนมองเวิ้งฟ้าด้วยลางสังหรณ์ พบขีดดาวตกเส้นหนึ่งในความไม่แน่ใจ
หญิงกลางคนฟุบหน้ากับฝ่ามือและลั่นหัวเราะสั่นคลอนความต่ำทรามของชีวิต ก่อนจะลุกขึ้นเดินโผเผออกมาจากมุมอับแห่งนั้น ก้าวขึ้นรถสามล้อก่อนเที่ยงคืน เอ็นน่องชายแก่โปนเบ่งเพื่อหมุนกงล้อทั้งสามไปตามวิถีการงาน ค่ำคืนเพิ่งเริ่มต้น โสเภณีชั้นต่ำยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง ทว่า ชายแก่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วกลางแสงไฟสลัวของถนนเลียบแม่น้ำ แม้ว่า ณ วินาทีนี้ ก้นถุงกางเกงขาสั้นตัวเดียวที่มีจะยังคงว่างเปล่าก็ตาม...
(2) การตัดสินใจฆ่าตัวตายแท้จริงเป็นแค่การล่องลอยออกไปจากตัวเอง เขาคือพายุ มีหน้าที่สร้างความปั่นป่วนครั้งแล้วครั้งเล่าในทะเล จนกระทั่งกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทะเล บทเพลงของพายุไม่เคยจบสิ้น เป็นเสมือนเสียงร้องประกาศให้มวลชีวิตได้รับรู้ว่า ทะเลยังไม่ตาย ตราบใดสายลมยังโบกโบยเหนือน่านฟ้า ชายประมงชราย่อมมีสิทธิคิดฝันถึงการพบพานเพื่อนเก่า เพื่อจะร่วมร้องเพลงบทเดียวกันอีกสักครั้งเป็นครั้งสุดท้าย การล่องเรือแต่เพียงลำพังของชายชราในค่ำคืนเช่นนี้ ไม่แตกต่างอันใดกับเด็กชายที่กำลังวิ่งไล่จับแสงจันทร์กลางลานบ้านเกิด รอคอยเพื่อนสักคนหนึ่งแวะเวียนมาหา เพื่อจะชวนกันวิ่งลิ่วไปบนฝั่งทรายขาวโพลน มุ่งหน้าสู่ต้นธารแห่งเสียงทับเพลงตะลุงซึ่งกำลังรบเร่งกระชั้น ครั้นปี่แรกเอื้อนขึ้นกลบเสียงคลื่นลงจนหมดสิ้นแล้ว เด็กชายก็เริ่มปลดปล่อยหัวใจไปให้โบยบินไปอย่างเสรี
ขบวนรถไฟแห่งค่ำคืนโฉบผ่านชานชาลาเปลี่ยวร้างอย่างไม่แยแส เด็กหนุ่มรู้สึกหวั่นไหวเมื่อคิดว่าการเดินทางใกล้จะถึงจุดหมาย สุดปลายรางเหล็กคู่นี้จบสิ้นลงตรงไหน เขายังไม่เคยไปถึง รู้แต่ว่าสถานีบ้านเกิดกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา การกลับบ้านของเด็กหนุ่มย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้น่าอับอาย คำปรามาสก่อนวันจากลายังคงล่องลอยอยู่ในสายลม ทว่า บ้านเกิดก็คือแหล่งพักพิงสุดท้ายที่เขามี เสียงเสียบปลายมีดเข้าชายโครงหัวหน้าคนงานปากหมาคนนั้นแม้ว่าจะแผ่วเบาเหลือเกิน แต่เขาได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ไอ้ปากหมานั่นหมุนคว้างรอบหนึ่งก่อนจะทรุดลงกับพื้นและมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ยังไม่ยอมเชื่อว่าเขาจะกล้า เด็กหนุ่มไม่มีเวลายืนยัน เขาพุ่งถลาออกมาจากที่นั่นเหมือนเหยี่ยวทะเลโผขึ้นจากยอดคลื่น เขาไม่โกรธหรอกหากมีใครสักคนหนึ่งเรียกเขา-ลาวทะเล, เพียงหวังเพิ่มความสนุกสนานในวงสนทนาของคนงาน แต่ไอ้ปากหมาริยำนั่นเรียกเขาอย่างนั้นช้ำแล้วช้ำอีกด้วยสายตาเหยียดหยามชิงชัง มันคิดว่าใหญ่มาจากไหน ใหญ่มาจากไหนไม่สำคัญหรอก เมื่อชีวิตสามารถแลกชีวิตได้ ชีวิตทั้งสองย่อมเท่าเทียม เด็กหนุ่มค้นพบว่าการฆ่าใครสักคนหนึ่งช่างง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ หากเขาพร้อมที่จะแลกชีวิต
เหยี่ยวทะเลร่อนถลาไปห้องเช่าซอมซ่อของคนรัก เขาคิดถึงเด็กสาวเป็นคนแรกในห้วงเวลาเช่นนั้น ผลักบานประตูพบห้องหับอับอวลควันบุหรี่ เด็กรุ่นเดียวกับเขาหลายคนแออัดยัดเยียดกันภายใน แต่ละคนต่างมีสภาพไม่สามารถช่วยเหลือใครๆ ได้แม้กระทั่งตัวเอง เด็กสาวซุกร่างครึ่งเปลือยอยู่ตรงมุมห้อง มองมือเปื้อนเลือดของเขาด้วยสายตาเหม่อลอยเคว้งคว้าง ก่อนจะหวีดร้องขึ้นมาสุดเสียง เสียงแรกยังไม่ทันจางหาย เสียงต่อมาหวีดตามมาจากคนอื่นๆ จนห้องคับแน่นไปด้วยสัตว์บาดเจ็บ เหยี่ยวทะเลโผขึ้นสู่ฟ้ากว้างอีกครั้งหนึ่ง ร่อนถลาท่ามกลางความโดดเดี่ยว ก่อนตัดสินใจจับเกาะหลังคารถไฟขบวนโพ้นทะเล เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังกลับบ้าน การกลับบ้านของเด็กหนุ่มย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ ทว่า บ้านเกิดก็คือแหล่งพักพิงสุดท้าย...
จังหวะทับเพลงตะลุงถี่กระชั้นขึ้นอีกครั้ง ในความรู้สึกของเด็กหนุ่ม ครั้งนี้เขาไม่ได้ยินเสียงกลองชุดหน่วงหนักจากวงดนตรีตราหัวควาย น่าแปลกที่เขาคิดถึงแม่ เขาลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีแม่ หรือว่าแม่ฝังลึกเกินไปในหัวใจของเขา นับจากวันที่เขาผลักประตูเข้าไปในห้องอวลกลิ่นดอกไม้ ประสานกับหน่วยตาเบิกกว้างของหญิงหม้าย เด็กชายยืนมองแม่ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา และเปียกปอนจากพายุซึ่งกำลังโหมกระหน่ำอยู่ข้างนอก รอยสักคำว่า-พ่อ, บนไหล่กว้างของชายคนนั้น แม้ว่าเขายังเด็กเกินไปสำหรับภาพโจ่งแจ้งเบื้องหน้า แต่เขาพอจะเข้าใจอะไรบ้างอยู่หรอก อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าชายคนนั้นไม่ใช่พ่อจริงๆ ของเขา เป็นแค่พ่อหลอกๆ และเขาไม่ชอบให้ใครมาหลอก เด็กชายพุ่งเข้าหาพ่อปลอมพร้อมกับเงื้อกำหมัดเล็กๆ ขึ้นสุดแขน หลังจากนั้นเขาจำอะไรไม่ได้ ตื่นมาอีกครั้งเพื่อจะลืมว่าเคยมีแม่ แม่หายไปจากบ้านตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยคิดถึงแม่มานานเหลือเกิน แล้วทำไมตอนนี้...
เด็กหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่า ทุกครั้งที่โสเภณีชั้นต่ำคนนั้นจำเป็นต้องร้องคร่ำครวญปรนเปรอผู้คนเบื้องบนเพื่อแลกกับชีวิตต่ำทราม นางอดไม่ได้จะลืมตาในเสี้ยววินาทีหนึ่ง พลันตาคู่นั้นเบิกกว้าง เด็กชายพุ่งเข้ามาด้วยร่างเปียกปอนจากพายุ เงื้อกำหมัดเล็กๆ ของเขาขึ้นจนสุดแขน...
(3) และแล้วเขาก็เลิกคิดฆ่าตัวตาย วินาทีแห่งการตัดสินใจได้ผ่านเลยไปแล้ว เขาคือพายุ การตายของพายุมีความหมายแค่การล่องลอยออกไปจากตัวเอง ขีดดาวตกเส้นสุดท้ายของคืนนี้เพิ่งจะวูบหายไป ชาวประมงชราถอนหายใจยังไม่ทันขาดสาย เรือสินค้าลำแรกกลางมหาสมุทรแปซิฟิกก็ได้พลิกคว่ำลง หมื่นปีกนกเคว้งคว้างกลางสภาพอากาศเลวร้าย ทว่ามันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น...
ชายประมงชราแย้มยิ้มทักทายเพื่อนเก่าอย่างรู้ใจ หยาดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้ม นี่มิใช่ความฝันอันเลื่อนลอยของพวกเด็กหนุ่ม ผู้ยังไม่รู้จักความหมายแท้จริงของชีวิต ความตายมีความหมายแค่การล่องลอยไปจากตัวเอง การมีชีวิตอยู่นอกตัวเองไม่แตกต่างอันใดกับการหลุดพ้น และที่นั่นคือแหล่งพักพิงสุดท้ายแท้จริงของชีวิต นกปีกหักตัวหนึ่งพลัดลงมาตายในท้องเรือ ไม่ต้องหวั่นกลัวหรอกว่า เผ่าพันธุ์อันเป็นที่รักของเจ้าจะสูญสิ้นไป บทเพลงของพายุได้ขับขานขึ้นก่อนการก่อเกิดเผ่าพันธุ์ของเจ้าเสียอีก ออกมาจากตัวเองเถิด-นกฟ้า, หลังจากนี้ก็ขอให้เจ้าโบยบินไปเหนือพายุอย่างเสรี
เด็กหนุ่มก้าวข้ามธรณีประตูบ้านเกิด เนื้อตัวสั่นเทาและเปียกปอนจากพายุ ในบ้านว่างเปล่า ประตูห้องแม่เปิดกว้างเหมือนรอคอยการกลับคืนมา เขาจรดปลายเท้าแผ่วเบาไปหาด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
ห้องแม่ว่างเปล่า ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งกลิ่นดอกไม้ที่เคยอบอวล...
แหล่งที่มา : คอลัมเรื่องสั้นไทย, หนังสือจุกประกายวรรณกรรม, วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2545
|